ค่าเงินเลบานอนร่วงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ จากวิกฤตเศรษฐกิจที่ยังดำเนินต่อไป ถือเป็นการล่มสลายทางการเงินที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อนอย่างหนัก
เมื่อวานนี้ ค่าเงินปอนด์ของเลบานอนดิ่งลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีการซื้อขายในตลาดคู่ขนานที่ 1 แสนปอนด์เลบานอน ต่อ 1ดอลลาร์สหรัฐ จากที่มีอัตราแลกเปลี่ยนที่ 6 หมื่นปอนด์ต่อดอลลาร์ในเดือนมกราคม
ในขณะที่ค่าเงินในตลาดทางการยังคงถูกตรึงไว้ที่ 1 หมื่น 5 พันปอนด์เลบานอนต่อ 1 ดอลลาร์ ตั้งแต่การประกาศลดค่าเงินลงจากเดิม 90 เปอร์เซ็นต์เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จากอัตรา 1 พัน 507 ปอนด์ต่อดอลลาร์ก่อนหน้านี้ โดยสกุลเงินปอนด์เลบานอนสูญเสียมูลค่าของค่าเงินไปแล้ว 97เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่ปี 2019 ซึ่งเป็นปีที่เลบานอนเริ่มเผชิญกับวิกฤตทางการเงิน
กลุ่มผู้นำทางการเมืองถูกชี้ว่า เป็นตัวการที่ทำให้เกิดการล่มสลายทางการเงินของประเทศ และในครั้งนี้ก็ยังล้มเหลวในการปกป้องค่าเงิน โดยตั้งแต่ปีที่แล้ว เลบานอนไม่มีประธานาธิบดีและมีเพียงรัฐบาลรักษาการที่ไร้เสถียรภาพ
ส่วนธนาคารในเลบานอนซึ่งประสบปัญหาจากการลดค่าเงิน ได้ใช้ข้อจำกัดในการถอนเงินอย่างเข้มงวด ทำให้ผู้ฝากเงินไม่สามารถถอนเงินจากบัญชีได้ และปิดทำการเมื่อวานนี้อีกครั้ง เพื่อประท้วงมาตรการของรัฐบาลที่จะทำให้ผู้ฝากเงินสามารถยื่นฟ้องเพื่อเรียกร้องเงินออมของตนคืนได้ โดยการประท้วงนัดหยุดงานภาคธนาคารได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว
เหตุการประท้วงเกิดจากผู้พิพากษาได้ตัดสินคดี ให้ยึดเงินของกรรมการธนาคารหรือสมาชิกในคณะกรรมการ หรือบังคับให้ธนาคารจ่ายเงินฝากของลูกค้าคืนเป็นดอลลาร์ด้วยอัตราแลกเปลี่ยนเดิมที่ 1 พัน 507 ปอนด์ต่อดอลลาร์
ส่วนปัญหาข้อจำกัดในการถอนเงินจากธนาคารได้ก่อให้เกิดความไม่พอใจต่อสาธารณชนตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ทำให้ชาวเลบานอนบางราย ใช้อาวุธเพื่อข่มขู่เจ้าหน้าที่ให้ถอนเงินฝากของพวกเขาออกจากบัญชี รวมถึงการโจมตีธนาคารจากผู้ประท้วงที่โกรธแค้น จากค่าเงินที่ดิ่งลง จนทำให้ธนาคารในกรุงเบรุตเมืองหลวง ต่างติดแผงโลหะป้องกัน ขณะที่ตู้เอทีเอ็มถูกทุบทำลาย และสาขาของธนาคารถูกปิดหลายครั้งเป็นเวลาหลายวัน
อย่างไรก็ดีคาดว่าวิกฤตเศรษฐกิจของเลบานอนยังคงลากยาวต่อไป เนื่องจากไร้ผู้นำ ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถออกกฎหมายการปฏิรูปใด ๆ ตามที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศเรียกร้อง เพื่อแลกกับการปลดล็อกเงินกู้ฉุกเฉินหลายพันล้านดอลลาร์