CNN เผยข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอบคิ่นส์ของสหรัฐระบุว่าสหรัฐมีผู้ติดเชื้้อโควิดโดยเฉลี่ยมากกว่า 1 แสนคนต่อวัน โดยคิดจากช่วง 7 วันที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าสูงสุดในรอบเกือบ 6 เดือนหรือตั้งแต่ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เกิดจากสายพันธุ์เดลต้าและเกิดในกลุ่มผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน
กระทรวงสาธารณสุขสหรัฐรายงานว่าเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สหรัฐมีจำนวนผู้ป่วยโควิดในโรงพยาบาลมากกว่า 6 หมื่น 3 พัน 250 คน พุ่งขึ้นช่วงต่ำสุด 29 มิถุนายนที่ 1 หมื่น 6 พัน 152 คน โดยพื้นทีที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดคือรัฐทางใต้ รายงานระบุว่าโรงพยาบาลในรัฐทางใต้ส่วนใหญ่เริ่มขาดแคลนเตียงและแพทย์พยาบาลเริ่มไม่พอที่จะรองรับ โดยรัฐหลุยเซียน่า จำนวนผุ้ป่วยในโรงพยาบาลทำสถิติสูงสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ขณะที่รัฐฟลอริด้ามีจำนวนผู้ป่วยในโรงพยาบาลสูงที่สุดในสหรัฐ โดยจำนวนผู้ป่วยพุ่งขึ้น 13% จากช่วงพีคครั้งที่แล้วในเดือนกรกฎาคม 2020 ซึ่งตัวเลขที่่เพิ่มสูงขึ้นมีหลังจากที่โรงเรียนเปิดเทอม ทำให้ประเด็นการบังคับใช้หน้ากากอนามัยในโรงเรียนกลับมาเป็นที่ถกเถียงกันอีกครั้ง โรงเรียนหลายแห่งพยายามจะออกกฎให้นักเรียนใส่หน้ากากอนามัย แต่นายรอน เดซานติส ผุ้ว่าการรัฐฟลอริด้าคัดค้าน พร้อมขู่จะยกเลิกกองทุนช่วยเหลือโรงเรียน หากพบว่าโรงเรียนไหนออกมาตรการบังคับใส่หน้ากากอนามัย
ผู้เชี่ยวชาญสหรัฐต่างแสดงความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิดในรัฐทางใต้ โดยเตือนว่าโควิดสายพันธุ์เดลต้าระบาดอย่างรวดเร็วราวกับโรคอีสุกอีใส และจากผุ้ติดเชื้อ 1 คนสามารถแพร่ไปสุ่คนรอบข้าง 8-9 คน