การสูญเสีย “พ่อ” ผู้เป็นที่รักยิ่งของ “บิ๊กโจ๊ก” พลตํารวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กลายเป็นข่าวดังในรอบสัปดาห์ เพราะที่ผ่านมาคนสนิทใกล้ชิด “บิ๊กโจ๊ก” รู้โดยทั่วกันว่า ความรักความผูกพันที่ “บิ๊กโจ๊ก” มีต่อพ่อ หรือ “ดาบตำรวจไสว หักพาล” คือเรื่องเล่า คือเรื่องราวดีๆ ที่ “บิ๊กโจ๊ก” มีความภาคภูมิใจที่จะพูดถึงพ่ออย่างสม่ำเสมอ
“บิ๊กโจ๊ก” เกิดในครอบครัวข้าราชการในจังหวัดสงขลา ฐานะไม่ได้ร่ำรวย มีคุณแม่เป็นครู และคุณพ่อเป็นตำรวจชั้นประทวน ทุกการเติบโตของ “บิ๊กโจ๊ก” อยู่ในกรอบระเบียบที่ “พ่อ” วางแนวทางไว้ให้ และด้วยความว่านอนสอนง่ายอยู่ในโอวาทของพ่อ ส่งผลให้ “บิ๊กโจ๊ก” มีความก้าวหน้ามุ่งมั่นที่จะเดินตามฝันของตัวเอง จนสามารถสอบเข้า โรงเรียนเตรียมทหาร และ เลือกเหล่าตำรวจ ก่อนจะจบการศึกษารุ่นที่ 47 สู่เส้นทางชีวิตข้าราชการตำรวจที่อาจจะล้มลุกคลุกคลานบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่เค้ามุ่งมั่นทำมาอย่างต่อเนื่อง นั่นก็คือการบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียม ไม่เคยแบ่ง ใครรวย ใครจน หรือใครยิ่งใหญ่มีอิทธิพล มาจากไหน … “บิ๊กโจ๊ก” ช่วยเหลืออย่างเต็มใจ ในทุกช่องทางที่ร้องขอ นั่นเพราะคำสอนของพ่อเฝ้า “หล่อหลอม” จน “บิ๊กโจ๊ก” มีวันนี้
ครั้งหนึ่งที่เขาเคยถูกย้ายไปดำรงตำแหน่ง “ที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี “ ท่ามกลางความคลุมเครือสงสัยของคนทั้งประเทศว่าเกิดอะไรขึ้น เนื่องจากไม่มีปรากฎชัดเจนถึงข้อหาความผิด ส่งผลให้ประชาชนที่เคยข้อความช่วยเหลือ “บิ๊กโจ๊ก” ผ่านช่องทางต่างๆในโซเชียลมีเดีย หรือ ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ที่ตั้งขึ้นโดยบิ๊กโจ๊ก ต้องหยุดชะงักลง แต่ยังคงมีกลุ่มแฟนคลับที่ทำเพจขึ้นมาร่วมให้กำลังใจ และกลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ประชาชนหลายเคส หลายราย ยังคงได้รับความช่วยเหลือจาก “บิ๊กโจ๊ก” แม้ในวันนั้นไม่ได้มีตำแหน่งใดๆในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ “บิ๊กโจ๊ก” ก็ยังไม่เคยคิดจะละเลยความเดือดร้อนของชาวบ้าน
คนสนิท ทราบกันดีว่า “ดาบตำรวจไสว หักพาล” ในวันที่อายุมากขึ้น ได้มีโรคภัยไข้เจ็บ และเข้าทำการรักษาในโรงพยาบาลมานานมากกว่า 10 ปี โดยมี “บิ๊กโจ๊ก” ลูกชายคนโต รับผิดชอบค่าใช้จ่ายและดูแลไม่ห่าง ทำหน้าที่ตอบแทนพระคุณผู้เป็นพ่อได้อย่างดีที่สุดที่ลูกพึงจะทำได้