No data was found

“ศักดิ์สยาม” แย้มเงื่อนไขดันรถไฟฟ้าสีส้มเข้าครม.ไม่รอศาลฯจบทุกคดี

กดติดตาม TOP NEWS

รมว.คมนาคม เผยรอรฟม.สรุปข้อพิพาทรถไฟฟ้าสายสีส้มทั้งหมด ส่งมาเพื่อพิจารณาตามขั้นตอน ระบุต้องดูให้ครบถ้วน ก่อนนำเข้าครม. ต่อไป แย้มไม่ต้องรอจบทุกคดี

วันที่ 1 มี.ค. 66 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานและร่วมเป็นสักขีพยาน ในพิธีแลกเปลี่ยนบันทึกความตกลงการให้ความช่วยเหลือทางวิชาการระหว่างสำนักงานนโยบายและแผน การขนส่งและจราจร กระทรวงคมนาคม และองค์การการค้าและการพัฒนาของสหรัฐอเมริกา (United States Trade and Development Agency: USTDA ถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม หลังศาลปกครองสูงสุด ยกฟ้องคดีที่บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ยื่นฟ้องขอให้คณะกรรมการคัดเลือกฯ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ชดใช้ค่าเสียหายจากกรณีมีมติแก้ไขเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาผู้ชนะการประเมินของเอกสารการคัดเลือกเอกชนโครงการดังกล่าว

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานจากทางการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) โดย รฟม. จะต้องทำเรื่อง เพื่อขอคัดคำพิพากษาอย่างเป็นทางการของศาลปกครองสูงสุด เพื่อนำมาตรวจว่าคำพิพากษาดังกล่าวได้สั่งการให้ดำเนินการอย่างไร และหากสิ่งที่รฟม.ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ เป็นไปตามขั้นตอนของ พระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 ครบถ้วน ก็ให้แนบคำพิพากษามาประกอบเรื่องเเละยื่นมายังกระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นขั้นตอนหลังจากที่รฟม. ส่งเรื่องขึ้นมา ทางกระทรวงคมนาคม ก็จะมีอำนาจหน้าที่ตาม พ.ร.บ.การร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน ซึ่งกระทรวงคมนาคมจะต้องพิจารณาว่าการดำเนินการที่ผ่านมาเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ หากครบถ้วนแล้ว ทางด้านปลัดกระทรวงคมนาคม ก็จะนำเสนอต่อมาที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อตรวจสอบ และหากไม่มีปัญหาก็จะมีการนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาต่อไป

 

 

ทั้งนี้ ในส่วนของคดีที่เกี่ยวข้องกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ขณะนี้ยังมีอยู่อีกหลายคดีซึ่งรฟม. จะต้องกลับไปตรวจสอบว่า คดีที่มีการพิพาทกันมีคดีใด ที่เป็นประเด็นที่มีส่วนทำให้ขั้นตอนการดำเนินการตาม พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 ไม่สามารถดำเนินการได้ โดยต้องพิจารณาให้ครบถ้วน ซึ่งทางด้านรฟม. ได้มีฝ่ายกฎหมายดูแล ซึ่งคดีที่เกิดขึ้นได้มีการแยกเป็นหลายประเภท ดังนั้น ในส่วนของคดีที่ไม่ได้เกี่ยวข้องก็จะต้องแยกออกมาให้ชัดเจนว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง อาทิ คดีที่มีการฟ้องตัวบุคคล และขณะนี้ตนเองยังไม่เห็นคำพิพากษา ทราบเพียงจากข่าวที่มีการนำเสนอเท่านั้น จึงต้องให้รฟม.ไปดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า ขั้นตอนหลังจากนี้ คือ การที่รฟม. จะต้องไปขอคัดคำพิพากษาเพื่อนำมาพิจารณาว่า ศาลปกครองสูงสุด ได้มีคำพิพากษาว่าอย่างไร หากตรวจแล้วพบว่า การดำเนินการของรฟม. ที่ปฏิบัติตามพ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 มีการดำเนินการถูกต้อง และชอบด้วยกฎหมาย ก็จะต้องเดินตามขั้นตอนของกฎหมาย และส่งเรื่องมายังกระทรวงคมนาคม เพื่อพิจารณาตรวจสอบให้มีความครบถ้วน ซึ่งขั้นตอนขณะนี้ยังมาไม่ถึงกระทรวงคมนาคม แต่หากมาถึงกระทรวงก็จะต้องมีการตรวจสอบซ้ำอีกครั้ง ยืนยัน ไม่มีการแสตมป์ผ่านทันที

โดยตนเองยืนยัน ขั้นตอนขณะนี้ กระทรวงคมนาคม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยังไม่มีอำนาจหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้อง และยังไม่ทราบว่ามีการดำเนินการอย่างไร ทราบเพียงจากข่าวเท่านั้น ดังนั้น การจะกล่าวหาว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ (157) ยืนยันไม่ได้มีการละเว้น แต่ตนเองไม่มีอำนาจจริงๆ

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ส่วนประเด็นที่สังคมยังไม่เข้าใจในเรื่องของ พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน ที่มีความแตกต่างจาก พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้าง ตามระเบียบพัสดุ ซึ่งถือเป็นคนละเรื่อง ซึ่งหลายฝ่ายได้เข้าใจว่า ตนเองมีอำนาจตาม มาตรา 72 พ.ร.บ.รัฐวิสาหกิจ ที่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ เพราะเป็นกฎหมายจัดซื้อจัดจ้าง อีกทั้งขั้นตอนต่างๆ ก็ได้อภิปรายในรัฐสภาว่าการดำเนินการมี 5 ขั้นตอน โดยขณะนี้ขั้นตอนยังอยู่ที่ทางรฟม. และหากรฟม. พิจารณาแล้วว่าคำพิพากษาทั้งหมด ได้แสดงให้เห็นว่าการดำเนินการของรฟม.ถูกต้องตามขั้นตอนกฎหมาย ไม่มีประเด็นใดก็เสนอมายังกระทรวงคมนาคม

ทั้งนี้ ในส่วนคดีอื่นที่ยังค้างอยู่ เป็นเรื่องที่ฟ้องร้องไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเป็นการฟ้องร้องตัวบุคคล ซึ่งขณะนี้คดียังไม่ถึงที่สุด

ส่วนการนำเสนอโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม จะทันรัฐบาลชุดปัจจุบันหรือไม่ นายศักดิ์สยาม ระบุว่า ตนเองตอบไม่ได้ และพยายามจะดำเนินการตามกระบวนการทั้งหมด ให้มีความรอบคอบ ซึ่งตนเองได้พูดเรื่องนี้ตั้งแต่แรกว่าให้รอคำวินิจฉัยสุดท้ายจากศาลปกครองสูงสุด

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีศาลปกครองสูงสุด มีคดีเรื่องการยกเลิกการประมูลครั้งที่ 1 ค้างอยู่จะถือเป็นสาระสำคัญหรือไม่ นายศักดิ์สยาม ระบุว่า จะต้องรอดู โดยเฉพาะคำพิพากษาที่ออกมาสุดท้าย ซึ่งต้องดูคำวินิจฉัยดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า คดีอะไรที่เหลืออยู่ขณะนี้มีอะไรบ้าง นายศักดิ์สยาม ระบุว่า ผมไม่ทราบ เพราะไม่ได้มีการฟ้องร้องผม หากฟ้องผม ผมจึงทราบ และขณะที่รฟม. ยังไม่ได้มีการรายงานอะไรมายังตน โดยต้องรอฝ่ายกฎหมายให้ความเห็นในเรื่องนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากการนำเสนอต่อครม.ในช่วงรัฐบาลรักษาการ จะสามารถดำเนินการต่อได้หรือไม่ นายศักดิ์สยาม ระบุว่า ให้ทำตามรัฐธรรมนูญที่ให้อำนาจ ซึ่งรัฐบาลรักษาการสามารถดำเนินการอะไรได้บ้างให้กลับไปดูเอา และปัจจุบันก็ยังเป็น ครม.ปกติ และยังไม่มีการยุบสภา ตนเองยังมีอำนาจในการดำเนินการ

ผู้สื่อข่าวถามถึงก่อนหน้านี้ ที่นายศักดิ์สยาม เคยให้สัมภาษณ์ชัดเจนจะต้องจบทุกคดี จึงจะสามารถลงนามได้ แต่ขณะนี้ เหมือนบอกว่า คดีไหนไม่เกี่ยวข้องก็สามารถดำเนินการได้ นายศักดิ์สยาม ระบุว่า ไม่ใช่ต้องจบทุกคดี แต่ให้ดูว่าคดีที่เกี่ยวข้องทุกคดีจบหรือยัง และมีผลต่อการดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายหรือไม่ ซึ่งจะต้องดูให้ครบถ้วน และไม่ใช่การใช้ดุลยพินิจ โดยต้องดูข้อเท็จจริงกับข้อกฎหมายประกอบกัน และนำมาให้รัฐมนตรีพิจารณาว่าจะนำเข้าครม. หรือ หากพิจารณาแล้วถูกต้องขั้นตอนตามกฎหมายพ.ร.บ.ร่วมทุน ก็ดำเนินการขั้นตอนต่อไป

 

ส่วนการทำหนังสือถึงนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ เพื่อขอเอกสารและหลักฐานการทุจริตโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม รวมถึงหลักฐานการโอนเงินไปยังธนาคารในประเทศสิงคโปร์ โดยให้ส่งเอกสารหลักฐานภายใน 15 วัน นายศักดิ์สยาม ระบุว่า เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย โดยนายชูวิทย์ จะส่งหรือไม่ส่งก็เป็นสิทธิ์ของเขา ซึ่งหาก ครบกำหนด15 วันแล้ว กระทรวงคมนาคมก็จะมีการสรุปเรื่อง เมื่อนายชูวิทย์ไม่ประสงค์จะใช้สิทธิ์ร้องตามกฎหมาย ก็จะสรุปว่า เค้าไม่ใช่สิทธิ์เท่านั้นเอง โดยขอให้สื่อมวลชนรออีก 12 วัน พร้อมยืนยันว่าตนเองทำงานไม่มีอคติ

ส่วนจะมีการฟ้องร้องหรือไม่ นายศักดิ์สยาม ระบุว่ายังตอบไม่ได้เพราะต้องรออีก 12วัน และหากนายชูวิทย์ ได้ดำเนินการตามที่มาสัมภาษณ์ และ กระทรวงคมนาคมได้มีหนังสือสอบถามไปว่ามีความประสงค์อย่างไร ซึ่งทางด้านของปลัดกระทรวงคมนาคมจะพิจารณาหากพบว่ามีมูลก็จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และหากไม่มีมูลก็จะมีการชี้แจงข้อเท็จและเหตุผลกับผู้ร้อง อาทิ การกล่าวหากระทรวงคมนาคมในการทุจริต วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท มีการโอนเงินไปยังธนาคารในประเทศสิงคโปร์ โดยเรียกร้องให้นำหลักฐานเหล่านี้มาแสดง อย่าเก็บไว้เพียงผู้เดียวเพราะจะถูกกล่าวหาเสียเองว่า ไม่มีหลักฐาน หากมีหลักฐานก็ให้ยื่นเพื่อจะได้ดำเนินการตรวจสอบ เพราะวงเงิน 3 หมื่นล้านบาท ถือเป็นเรื่องใหญ่

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ภูมิธรรม" รับเพิ่งทราบ "ปานปรีย์" ลาออกรมว.ต่างประเทศ เชื่อการทำงานไม่สะดุด ไม่กระทบเพื่อไทย
สลด ผู้สูงอายุ วัย 65 ปี เสียชีวิตปริศนากับพื้นปูนคอนกรีตตรวจสอบยังพบว่าผิวหนังลอกออกคาดเกิดจากสาเหตุอากาศร้อน
ชาวบ้านร้องเรียน น้ำเสียทะลักขึ้นจากพื้น ส่งกลิ่นเหม็น อวด นทท.
รู้จัก "จิราพร" รมต.ป้ายแดง DNA "สินธุไพร" อดีต สส.เสื้อแดง ผลงานแน่นไม่แพ้ใคร
"ครอบครัว" สุดเศร้าไร้ปาฎิหาริย์ ร่วมรับร่าง "ดาบตาร์" กลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด
"Thailand Biennale" Chiang Rai 2023 ฉลองความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ จัดพิธีมอบธงสัญลักษณ์ให้ จ.ภูเก็ต เจ้าภาพจัดงานในปี 2025
"ท่านใหม่" ห่วงใยสุขภาพ "บิ๊กจิ๋ว" เตรียมเข้าเยี่ยมพร้อมอวยพรวันเกิด 2 พ.ค.นี้
เปิดโปรไฟล์ "เผ่าภูมิ" ขุนพลเศรษฐกิจเพื่อไทย รมช.คลังคนใหม่
สวนสัตว์เปิดเขาเขียว ชวนชมโชว์ช้างว่ายน้ำและเลือกซื้อสินค้าธงฟ้าราคาประหยัดเพื่อแรงงาน
“บิ๊กโจ๊ก” ย้ำไม่ได้สั่งลูกน้องปลดป้ายชื่อหน้าห้องทำงานสตช. ให้ขนแต่ของจำเป็นออกมาเท่านั้น

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น