“ภคอร” เผยหลังยื่นร่างพ.ร.บ.ตำรวจ เพื่อปฏิรูปการแต่งตั้งโยกย้าย

"ภคอร" เผยหลังยื่นร่างพ.ร.บ.ตำรวจ เพื่อปฏิรูปการแต่งตั้งโยกย้าย

น.ส.ภคอร จันทรคณา ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวภายหลังจากที่ได้เป็นตัวแทน ส.ส. 22 คน  และ คณะฯ เพื่อยื่นเรื่อง ร่างแก้ไข  พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่..) พ.ศ. … เมื่อวานนี้ (22 กุมภาพันธ์) ว่า ถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่ตนและพรรคไทยศรีวิไลย์ ให้ความสำคัญมาโดยตลอด เพราะเรื่องการปฏิรูปตำรวจถือเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ และเป็นเรื่องที่มีการเรียกร้องมานับสิบปีแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม นอกจากประชาชนยังไม่ได้มีความรู้สึกว่า ได้การปฏิรูปในวงการตำรวจแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจเอง ก็ยังคงเผชิญกับปัญหาเดิมๆ ในเรื่องของการโยกย้ายตำแหน่ง เพราะสิ่งที่มักจะเกิดขึ้นคือ การพิจารณาการโยกย้ายตำแหน่ง ไม่ได้คำนึงถึงวัยวุฒิ คุณวุฒิ และความเหมาะสม มักจะเข้าทำนอง ‘ค่าของคน อยู่ที่คนของใคร’ เสียมากกว่า และยังเป็นอีกสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้เกิดการทุจริตเพราะมีการซื้อขายตำแหน่งกันทุกระดับชั้น ดังนั้น การยื่นร่างกฎหมายเพื่อให้เกิดการปฏิรูปการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจนั้น ก็เพื่อให้ข้าราชการตำรวจในแต่ละกลุ่มสายงานสามารถเจริญเติบโตตามกลุ่มสายงานด้วยความรู้ ความชำนาญในสายงานของตน การกำหนดกระบวนการในการแต่งตั้งและเลื่อนตำแหน่งไว้ให้ชัดเจน โดยพิจารณาจากความอาวุโสและความรู้ความสามารถประกอบกับเพื่อให้ข้าราชการตำรวจสามารถปฏิบัติหน้าที่ตามวิชาชีพได้อย่างมีอิสระตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้บัญญัติไว้

 

ข่าวที่น่าสนใจ

นางสาวภคอร กล่าวต่อว่า สำหรับสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ. ที่ตนและคณะ ได้ยื่นไว้ก็คือ

1. ให้ยกเลิกความใน (3) ของมาตรา 60 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน (ร่างมาตรา 3) “(3) การพิจารณาความดีความชอบ การเลื่อนตำแหน่ง และการให้ประโยชน์อื่น
แก่ข้าราชการตำรวจต้องเป็นไปอย่างเป็นธรรม โดยต้องพิจารณาจากอาวุโส ความรู้ความสามารถ และผลงานประกอบกัน”

2. ให้ยกเลิกความในวรรคสี่ของมาตรา 84 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 และให้ใช้ความดังต่อไปนี้แทน (ร่างมาตรา 4) “การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจในกลุ่มสายงานสืบสวนสอบสวน ซึ่งดำรงตำแหน่งควบ
ปรับระดับเพิ่มลดได้ในตัวเองตามมาตรา 62 วรรคสาม ให้ดำรงตำแหน่งสูงขึ้น ให้พิจารณาจากผู้ที่ดำรงตำแหน่งครบตามระยะเวลาที่กำหนดและผ่านเกณฑ์ประเมินความรู้ความสามารถตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ตร. กำหนดแล้ว”

 

3. ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตาม พ.ร.บ. นี้ (ร่างมาตรา 5)

อย่างไรก็ตาม ตนก็ทราบดีว่า ร่างกฎหมายนี้จะต้องตกไป ตามมาตรา 147  วรรคแรก ของรัฐธรรมนูญฯ แต่ก็ยังเชื่อว่า หากประชาชนต้องการให้มีการปฏิรูปตำรวจซึ่งเป็นต้นทางของกระบวนยุติธรรมแล้ว สภาผู้แทนราษฎรชุดต่อไป ก็ต้องรับฟังเสียงของประชาชนและจะต้องเดินหน้าให้ตลอดรอดฝั่ง  ทั้งนี้ พรรคไทยศรีวิไลย์ขอยืนยันว่า หากพรรคฯ มี ส.ส. ในสภาไม่ว่าจะมี ส.ส. 1 คน 5 คน 25 คน หรือมากกว่านั้น จะผลักดันร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้อย่างสุดกำลัง เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับตำรวจน้ำดีมีความสามารถ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั่วไปในการผดุงความยุติธรรมเพื่อให้เกิดขึ้นในสังคมด้วย

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

กรมควบคุมโรคเตือน! เฝ้าระวังติดเชื้อ "แอนแทรกซ์" หลังคร่าชีวิตชาวมุกดาหาร 1 ราย เจอกลุ่มเสี่ยงอีก 247 คน
“สมศักดิ์” จ่อฟันโทษ "ผอ.รพ.ชัยภูมิ" เมาแล้วขับชนสื่อ ชี้ผิดร้ายแรง ทำเป็นคดีตัวอย่าง สั่งดูแลคนเจ็บเต็มที่
"หมอวรงค์" เตือนเสี่ยงถึง "นายกอิ๊งค์" ถ้าศาลฎีกาฯ ไต่สวนเชื่อได้ว่า "ทักษิณ" ป่วยทิพย์
ครอบครัว "น้องการ์ตูน" แจ้งข่าว ขอยุติการรักษา ตัดสินใจให้น้องไปอย่างสงบ หลังต่อสู้รักษามายาวนานกว่า 10 ปี
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) ช้างป่าแวะบ้านคน 'กินจุบจิบ' ที่สิบสองปันนา
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) 'รถยนต์บินได้'จีนแบรนด์หงฉี ดีไซน์แยกส่วนล้ำสมัย
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) 'ซากวัดพุทธ'ซินเจียงเผยหลักฐานการผสานของอารยธรรมจีน
“รัฐบาล” สุดปลื้ม ไทยติดอันดับ 7 ประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก
รวบ 2 คนไทย นายหน้าบัญชีม้ารายใหญ่ ส่งแก๊งคอลฯ ถูกบอสจีนตามล่า ตั้งค่าหัว 5 แสนบาท
"อุตุฯ" เตือน 36 จังหวัด รับมือพายุฤดูร้อน ฝนฟ้าคะนอง-ลมกระโชกแรง กทม.โดนด้วย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น