อธิบดีกรมการปกครอง สั่งเด้งหัวหน้าศูนย์บริหารทะเบียนภาค 5 หลังเรียกเก็บส่วยบัตรต่างด้าว

อธิบดีกรมการปกครอง สั่งเด้งหัวหน้าศูนย์บริหารทะเบียนภาค 5 หลังเรียกเก็บส่วยบัตรต่างด้าว

 

จากกรณีนายหน้าแรงงานต่างด้าวในจังหวัดเชียงใหม่ นำหลักฐานการโอนเงินเข้าแจ้งความที่ สภ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ หลังถูกกลุ่มคนเปิดโต๊ะเรียกเก็บเงินกินเปล่าแลกบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยหรือบัตรสีชมพูรายละ 400 บาท จากค่าธรรมเนียมปกติ 80 บาท โดยมีกลุ่มคนที่อ้างว่าเป็นตัวแทนจากนายหน้ารายหนึ่ง ตั้งโต๊ะเก็บเงินกันอย่างโจ่งแจ้งภายในศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 กรมการปกครอง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ในช่วงวันที่ 9 – 16 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา ทำให้บรรดาแรงงานที่มาขึ้นทะเบียนต้องเดือดร้อนเสียเงินฟรี ๆ รวมแล้วหลายแสนบาท

ขณะที่นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ปลัดอำเภอสันทราย จ.เชียงใหม่ ในฐานะผู้ช่วยนายทะเบียนเข้าตรวจสอบพบว่า มีเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นจริง จึงรายงานให้กับนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะนายทะเบียนจังหวัด เพื่อรายงานเหตุการณ์และขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเก็บเงินของกลุ่มบุคคลดังกล่าวหรือไม่

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

 

ล่าสุดมีรายงานว่าเมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2566 ที่ผ่านมา นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์อธิบดีกรมการปกครอง ลงนามคำสั่งย้ายนายมีศักดิ์ ใจเย็น หัวหน้าศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 สาขาจังหวัดเชียงใหม่ ตำแหน่งเจ้าพนักงานเครื่องคอมพิวเตอร์ชำนาญงาน งานเทคโนโลยีและระบบข้อมูลการทะเบียน ศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 จ.เชียงใหม่ สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง ไปช่วยราชการที่วิทยาลัยการปกครอง กรมการปกครอง เป็นการประจำ ตั้งแต่วันที 24 มกราคม 2566 เป็นต้นไป

คำสั่งย้ายดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่นายกันต์ธร ณ ลำพูน อายุ 33 ปี นายหน้าแรงงานต่างด้าวของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในอำเภอเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามที่ถูกแจ้งความว่าเป็นผู้เรียกรับเงิน เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท. อำนาจ ทองแท้ พนักงานสอบสวน สภ.ดอยสะเก็ด ให้ดำเนินคดีกับนายมีศักดิ์ใจเย็น อายุ 52 ปี หัวหน้าศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 สาขาจังหวัดเชียงใหม่ ฐานความผิด เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน

โดยนายกันต์ธร นำหลักฐานการโอนเงินจำนวน 831,740 บาท มอบให้กับพนักงานสอบสวน ระบุช่วงเวลาโอนเงิน ระหว่าง วันที่ 27 พฤษภาคม 2565- 6 มกราคม 2566 โดยพนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความไว้แล้วและจะได้ดำเนินการสอบสวนตามขั้นตอน อย่างไรก็ตามหลังการสั่งย้ายยังไม่มีรายงานว่ามีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อทเจจริงในเรื่องนี้ทั้งในระดับจังหวัดหรือระดับกรมการปกครอง

 

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"พล.ท.นันทเดช" ชี้ "เพื่อไทย" ได้ไม่คุ้มเสีย ถ้าดึงมหาดไทยคืน ผลักภท.เป็นฝ่ายค้าน
"ฮุน มาเนต" โชว์กร่าง แขวะ "นายกฯอิ๊งค์" กล่าวหาไม่มืออาชีพ โพสต์เฟซบุ๊กปั่นกระแส โบ้ยไทยข่มขู่กัมพูชา ลั่นอดทนมามาก
สดุดีวีรชน "มทภ.4" ส่งร่างทหารกล้าอย่างสมเกียรติ เสียชีวิตจากเหตุลอบยิง ที่บ.วังหิน จ.ยะลา กลับสู่บ้านเกิด จ.ภูเก็ต
ทั่วไทยเจอฝนฟ้าคะนอง 48 จว.อ่วม ฝนตกหนัก คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร  กทม.เจอฝน 40%
เช็กเสียงขั้วการเมือง รบ.อิ๊งค์เหนื่อย หากภท.เป็นฝ่ายค้าน
"กรวีร์" ไม่อยู่เฉยๆ โพสต์เตือนสติราชสีห์ เคยต้องพึ่งหนู สะพัดภูมิใจไทย โดนพท.บีบหนัก ต้องตอบรับเงื่อนไข สลับกระทรวงมท.หรือไม่ ภายใน 48 ชม.
"สันติสุข" เทียบเจ็บ "ฮุน เซน" เหมือนคนคลั่งยา จับสมาชิกครอบครัวเป็นตัวประกัน ปลุกระดมทะเลาะไทย พาคนในชาติเดือดร้อนทั่วหน้า
วธ.เตรียมจัดใหญ่งานมหกรรมวัฒนธรรมแห่งชาติ วิถีถิ่น วิถีไทย กลางใจกรุงเทพฯ มางานเดียวเหมือนได้เที่ยวทั่วไทย
เพื่อไทยกร้าวสุด "สส.อีสาน" เล่นใหญ่ เสนอกลางวงประชุมพรรค ลั่นถึงเวลาทวง "มหาดไทย" คืน
กลาโหมกัมพูชากล่าวหาไทยละเมิด MOU 2543

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น