No data was found

สื่อ….เสื่อม คนคุม….บิด วิกฤติวงการสื่อซ้ำเติมสงครามโควิด

กดติดตาม TOP NEWS

ถึงยุคเฟคนิวส์เกลื่อนออนไลน์ ข่าวลวงท่วมประเทศ เมื่อสื่อตกเป็นจำเลยกลายเป็นต้นทางผลิตข่าวสร้างความหลงผิด ปล่อยข่าวบิดเบือนทำลายความน่าเชื่อถือทางการแพทย์ ด้อยค่าวัคซีนหลักที่ฉีดให้ประชาชน โจมตีการทำงานของพล.อ.ประยุทธ์แบบไร้เหตุผล อัดแหลกศบค.อย่างไม่มีหลักการ หนำซ้ำ 6 องค์กรสื่อยังให้ท้าย ออกแถลงการณ์คัดค้านข้อกำหนดอ้างคุกคามรอนสิทธิ์ลดเสรีภาพประชาชน แต่ทั้งปีทั้งชาติไม่เคยเห็นหัวเห็นความทุกข์ของชาวบ้าน

เฟคนิวส์ ( Fake News) หรือข่าวลือข่าวลวงที่เกิดขึ้นในโลกออนไลน์ ถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่บั่นทอนการทำงานของเจ้าหน้าที่และสร้างความโกลาหลให้กับประชาชนชาวบ้านมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นยุคไหนสมัยใด ยิ่งล่าสุดประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤติอยู่ระหว่างการต่อสู้ทำสงครามกับเชื้อโรคโควิด-19 สำคัญอย่างยิ่งที่ทุกคนทุกฝ่ายจะต้องร่วมด้วยช่วยกันในการแก้ไขปัญหาเพื่อหาทางออกจากวิกฤตที่สุดในโลก ที่คนติดเชื้อแล้วกว่า 197 ล้านคน เสียชีวิตไปแล้วกว่า 4.2 ล้านคน จาก 218 ประเทศ 2 เขตบริหารพิเศษ 2 เรือสำราญ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ค.2564) ทุกประเทศทุกชาติกำลังต่อสู้อย่างหนักในการรักษาชีวิตผู้คนของตัวเองให้รอดพ้นจากเชื้อโรคร้ายที่กลืนกินชีวิตมนุษย์มากสุดอีกตัวนึงในประวัติศาสตร์มวลมนุษยชาติ หลายประเทศร่วมมือร่วมใจกันฟันฝ่าอุปสรรค รัฐบาล เอกชน ธุรกิจ สื่อ ประชาชน ลืมเรื่องทุกอย่าง โยนธงของตัวเอง ขว้างผลประโยชน์ทั้งหมด ทิ้งวาระซ่อนเร้น วางรักโลภโกรธหลง สละทุกอย่างไว้เบื้องหลัง หันหน้ามาร่วมด้วยช่วยกันต่อสู้กับภัยร้ายในคราวนี้ก่อน

แปลกแต่จริงที่เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดในเมืองไทย กี่ครั้งที่เราผ่านวิกฤติครั้งแล้วครั้งเล่ามาได้ บทเรียนในอดีตคนไทยไม่เคยจดจำและเรียนรู้ หนึ่งในองคาพยพที่ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในกลไกที่ถูกตราหน้าว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความฉิบหายใหญ่หลวงในบ้านเมือง ต้องยอมรับว่า แวดวงสื่อสารมวลชน ตกเป็นจำเลยมาตลอด และเป็นเรื่องจริงที่คนไทยส่วนใหญ่ทราบดี ขณะที่คนในวงการสื่อด้วยกันเองก็ทราบดีว่าเรามีส่วนในการสร้างวิกฤติครั้งแล้วครั้งเล่าที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองแต่สื่อไม่เคยยอมรับตำหนิตัวเองเลย เอาที่คนไทยรุ่นเราๆ จำความได้ ไล่ตั้งแต่ยุค กลุ่มนปช. กลุ่มพันธมิตร กลุ่มกปปส. เรื่อยมาจนถึง กลุ่มคณะราษฎร ฯลฯ ส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันก็เพราะสื่อนี้แหละที่คอยยุแยงตะแคงรั่ว จับแพะชนแกะ บิดข่าวปั่นกระแส โจมตีเลือกข้างจนทำให้บ้านเมืองแตกแยกเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้

ล่าสุดแม้กระทั่งอยู่ระหว่างทำสงครามโควิด-19 แต่ก็ยังมีสื่อจำนวนมาก เห็นแก่ประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง รายงานข่าวบิดเบือนจนทำให้ชาวบ้านหลวดกลัวกันไปหมด ทั้งๆที่เป็นเวลาที่คนไทยทุกฝั่งทุกฝ่ายควรระดมสรรพกำลังหันหน้าเข้าหากันในยามวิกฤติ แต่ไม่วายยังมีความพยายามจากสื่อหลายช่องหลายฉบับหลายแพลตฟอร์ม นำเสนอข่าวจริงเป็นเท็จ บิดเนื้อหาจากถูกเป็นผิดจากผิดเป็นถูก จนทำให้คนไทยสับสนวุ่นวายกันไปหมด จนไม่รู้ว่าอันไหนจริงอันไหนเท็จ ก่อนหน้านี้ก็มีทั้งด้อยค่าวัคซีนจีน โจมตีหมอใหญ่ ด่ากราดบุคลากรทางการแพทย์ ขนาดอาจารย์หมอชั้นปรมาจารย์ที่ทั่วโลกยอมรับอย่าหมอยงค์ ภู่วรวรรณ ระดับนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขาวิทยาศาตร์การแพทย์ ราชบัณฑิต ยังถูกโจมตีเละไม่มีชิ้นดีแค่เพียงไปการันตีว่าวัคซีนจีนป้องกันเชื้อโควิด-19 ได้ แม้กระทั่งเรื่องของการบริหารจัดการคนป่วย การหาเตียงคนไข้ การจัดการเรื่องการฉีดวัคซีนกระจายวัคซีน ฯลฯ ทุกอย่างถูกหยิบถูกทำให้บิดเบี้ยวไปหมด

ประเด็นดีประเด็นบวกเป็นประเด็นให้กำลังใจซึ่งกันและกันไม่เคยมีหรือมีก็น้อยที่จะได้รับการนำเสนอจากสื่อไทย ทุกช่องทุกแห่งทุกค่ายแย่งกันรายงานแต่เรื่องร้ายๆ หามุมมาทำลายความเชื่อมั่นของคนไทย บั่นทอนการทำงานของแพทย์ พยาบาล บุคลากรด่านหน้าไม่เว้นแต่ละวัน ถามว่าในวงการสื่อดีๆที่ทำงานด้วยจิตบริสุทธิ์ใจสาธารณะบนพื้นฐานของผลประโยชน์ชาติมีหรือไม่ ตอบว่ามีไม่น้อยแต่พวกที่จ้องทำลายคิดถึงธุรกิจก็มีมาก ไม่แปลกที่ประเทศไทยในยามนี้ข่าวจริงข่าวปลอมจะท่วมประเทศไปหมด แค่คนที่ไม่หวังดี คนที่จ้องทำลาย คนที่ไม่ชอบพล.อ.ประยุทธ์เกลียดรัฐบาลอันธพาลศบค.ก็มีมากแล้ว แทนที่สื่อจะช่วยกันให้ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง ช่วยกันทำงานให้สมกับอุดมการณ์ของตัวเอง

แต่กลับตาลปัตรนอกจากจะไม่ช่วยให้ทุกอย่างกระจ่างแจ้งเห็นจริงตามหน้าที่ของสื่อที่ควรจะเป็นในยามบ้านเมืองวิกฤตแล้ว มิหนำซ้ำยังทำร้ายทำลายบ้านเมืองให้ย่ำแย่หนักลงไปอีก กรณีการเสนอข่าวของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสแปลผิดเรื่องเศรษฐีอินเดียเช่าเหมาลำเครื่องบิน , ด้อยค่าวัคซีนที่รัฐบาลเอามาฉีดให้ประชาชน หรือ เว็บข่าวช่อง 3 แปลความหมายผิดเรื่องเหงื่อที่ศบค.แถลง ฯลฯ ทั้งหลายทั้งมวลนี้แค่น้ำจิ้มที่เป็นข่าวใหญ่โต แต่ประเภทเหน็บแนมลักแอบด่าว่ากันตรงๆต่อหน้าแบบเฟคนิวส์เอามันส์เข้าว่านั้นมีอีกเพียบ ไม่แปลกสังคมไทย ขัดแย้งแตกแยกอย่างรุนเรง เพราะมีสื่อบิดสื่อชั่วเป็นต้นทางการผลิตข่าวหลอกข่าวลวง ซ้ำเติมสถานการณ์โรคระบาด ชนิดที่ทำให้เฟคนิวส์ท่วมออนไลน์ เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ผลวิจัยของ OECD (The Organisation for Economic Co-operation and Development) ระบุเด็กไทยมีปัญหาแยกแยะผิดชอบชั่วดีไม่ได้ ถึงขนาดได้รองบ๊วยรับมือเฟคนิวส์ต่ำสุดของโลก จึงไม่แปลกว่าทำไมเด็กไทยทุกวันนี้ตกเป็นเหยื่อของนักการเมือง นักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัย นักเคลื่อนไหว และสื่อเลวบางแห่ง ที่สมคบคิดกับต่างชาติหวังแทรกแซงประเทศไทยได้อย่างสบาย เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นร้อนที่ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ควันออกหู เพราะทนมานาน ถึงขนาดประกาศในการประชุมครม. 27 ก.ค. สั่ง กระทรวง DES สตช. ปอท. จัดการคนปล่อยเฟคนิวส์แบบไม่ไว้หน้า ขอให้เน้นตัวใหญ่ๆ ที่เป็นต้นทาง ไม่ว่าจะเป็นสื่อมวลชน ดารา คนดัง หรือเพจต่างๆ ไม่ใช่จับแค่ชาวบ้านปลาซิวปลาสร้อยทั่วไป

 

ด้วยเหตุนี้จึงนำไปสู่การออกข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 29) หลักใหญ่ใจความคือ ห้ามเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จที่ทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว บิดเบือนข่าวสารจนทำให้ชาวบ้านเข้าใจผิด กระทบต่อความมั่้นคงของรัฐหรือความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง โดยเฉพาะเฟคนิวส์ที่เกลื่อนโลกออนไลน์ มอบหมายให้กสทช.สั่งระงับไอพีปิดที่อยู่ได้ทันที ก่อนส่งเรื่องให้ตำรวจดำเนินคดีอย่างรวดเร็วในทันที เจอหมัดนี้ไปบรรดาสื่อเอียงสื่อเลือกข้างสื่อทิพย์เสื้อคลุมนายทุนถึงกับเต้นเป็นเจ้าเข้า

คล้อยหลังพระราชกฤษฎีกาเผยแพร่ไม่นาน 6 องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ที่เรียกว่าผู้คุมกฎ ประกอบด้วย 1 สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ 2 สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย 3 สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย 4 สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย 5 สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ 6 สหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทย ก็ออกแถลงการณ์ร่วม จี้รัฐบาลยกเลิก พระราชกำหนด มาตรการจำกัดเสรีภาพประชาชนและสื่อมวลชน พร้อมปลุกเพื่อนร่วมวิชาชีพแสดงพลังคัดค้าน

แปลกแต่จริงถ้าเป็นเรื่องชาวบ้านเป็นเรื่องปากท้องคนหาเช้ากินค่ำหรือเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับนายทุนธุรกิจยักษ์ใหญ่ ไม่เคยเห็นการตื่นตัวเร็วเด้งรับลูกกันมากขนาดนี้แต่พอเป็นเรื่องเข้าตัวเรื่องเกี่ยวข้องกับจริยธรรมเรื่องมาตราฐานของตัวเอง 6 องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนขานรับออกแถลงการณ์ตอบโต้ในทันที ถามจริงๆ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา องค์กรสื่อที่ว่าเคยตรวจสอบกันเอง เคยสอบสวนการนำเสนอข่าว เคยใช้มาตราฐานอุดมการณ์ ที่เขียนไว้สวยหรูดูการทำงานของตัวเองหรือไม่ ก่อนจะเรียกร้องป่าวประกาศว่าตนถูกรอนสิทธิ์ สำรวจตัวเองส่องกระจกดูยังว่าได้ทำหน้าที่สื่อเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชนของชาติหรือไม่ ที่เฟคนิวส์ท่วมจอมันเกิดขึ้นเพราะใคร ? ได้ทำหน้าที่ชี้แจงข้อเท็จจริงหรือยัง ? หรือฉวยจังหวะหาโอกาสซ้ำเติมสถานการณ์ อย่ามาอ้างคำสวยหรู ว่า “เสรีภาพสื่อเสรีภาพประชาชน” เฉพาะตอนที่โดนกระทำ แต่ทั้งปีทั้งชาติไม่เคยเห็นหัวประชาชน อย่าให้คนเขาพูดกันได้ว่าอ้างสิทธิเสรีภาพแบบสวยหรู แต่เอาเข้าจริงคือการปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง

ถามกันจริงๆตอบกันตรงๆ เกือบ 7 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่พล.อ.ประยุทธ์เข้ามาควบคุมอำนาจและบริหารประเทศ เคยคุกคามสื่อ เคยฟ้องหนังสือพิมพ์ฉบับไหน เคยสั่งให้ใครไปปิดโรงพิมพ์ หรือให้ตำรวจทหารบุกไปข่มขู่คุกคามใครบ้าง เอาแบบที่เป็นเรื่องเป็นราวเป็นข่าวใหญ่โต แม้จะเคยเป็นทหารเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติถูกตราหน้าว่าเป็นเผด็จการ แต่ 7 ปีที่ผ่านมาแทบนึกไม่ออกจำไม่ได้เลยว่าพล.อ.ประยุทธ์ออกลูกเกเรกับสื่อหัวไหน?สื่อช่องใด? ย้อนอดีตกลับไปยุคหนึ่งจำได้ไหมว่าเคยมีอดีตนายกฯคนหนึ่งไล่บี้ไล่ทุบสื่อที่เห็นต่างแบบเหยียบกันให้จมดินจนไม่มีที่ยืน ไล่นักข่าวไม่ให้ตาม เปลี่ยนตัวไม่ให้ทำข่าวระหว่างไปเยือนต่างประเทศ โทรไปฟ้องกองบก. ยกเลิกโฆษณาทำให้สูญรายได้ หนักสุดถึงขั้นไล่ซื้อหุ้น เข้าไปฮุบกิจการจนแทบอยู่ไม่ได้ ฯลฯ ถามว่าเรื่องเลวทรามต่ำช้ากับสื่อที่เคยเกิดขึ้นในอดีตแบบนั้น ในยุคพล.อ.ประยุทธ์มีไหม นักข่าวคนทำงานสื่อที่อยู่ในวงการจริงๆ โดยไม่มีอคติโดยไม่มีใจเอนเอียงรู้คำตอบนี้ดี

สงครามโควิด-19 หนักหนาสาหัสสากรรจ์แบบนี้ สื่อจะโจมตีพล.อ.ประยุทธ์อย่างไร ตำหนิศบค.ขนาดไหน ก็สุดแล้วแต่ฐานข้อมูลและวิจารณญาณของแต่ละคน ชังพล.อ.ประยุทธ์เราไม่ว่า เกลียดศบค.เราไม่ด่า แต่อย่าด้อยค่าประเทศ อย่าซ้ำเติมสถานการณ์บ้านเมือง อย่าทำข่าวแบบเอามันส์จนลืมคิดถึงชีวิตคน จนกลายเป็นการไปซ้ำเติมวิกฤติโควิด-19 ให้แย่ซ้ำหนักลงไปอีก ปากกาในมือ คีย์บอร์ดที่ตรงหน้า โวหารที่ออกจากปากผ่านจอโทรทัศน์ ข้อความที่เขียนผ่านโลกออนไลน์ ถ้ามันบิดถ้ามันเบี้ยวถ้ามันเอียงจนหาความจริงไม่ได้ทำชาวบ้านหลงผิด ไม่กล้าฉีดวัคซีน ไม่เชื่อข้อมูลศบค. ไม่ทำตามที่รัฐบาลกำหนดขอร้อง  พาลไปจนกลายเป็นการต่อต้าน  ความอันตรายของมันอาจจะร้ายรุนแรงยิ่งกว่าเชื้อโรคโควิด-19 ที่ฆ่าชีวิตคนไทยไปมากมายไม่ต่างกัน ถ้าอย่างนั้นสื่อก็มือเปื้อนเลือดไม่ต่างอะไรกับ “ฆาตกร” เหมือนที่ไปตราหน้าว่าคนอื่นเช่นกัน
/////////////////////////

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

รัฐบาลชวนเที่ยวงานฉลองกรุงเทพฯ “ใต้ร่มพระบารมี 242 ปี กรุงรัตนโกสินทร์” 19-25 เมษายนนี้
พม.เปิดยื่นรับสิทธิครอบครัวอุปถัมภ์ 1,107 ราย เน้นให้สิทธิอุปถัมภ์ ผู้สูงอายุยากจนก่อน
"ผบก.น.2" ยันไม่ 2 มาตรฐาน ดำเนินคดี 2 บิ๊กตร.อย่างเท่าเทียม เผยเตรียมนัด "ทนายตั้ม" ให้ข้อมูลอีกครั้ง
บยสส. 3 เปิดเวที “สื่อสารอย่างไรให้เท่าเทียม สิทธิของ LGBTQIAN+ กับการเปิดรับของสังคม” หวังร่วมสร้างความเข้าใจในสังคมไทย เพื่อเปิดรับความหลากหลายอย่างเท่าเทียม
เดือด "เมียนมา" โต้กลับฝ่ายต่อต้าน ส่งฮ.โจมตีทางอากาศ ชาวบ้านหนีตายเพียบ
"วันชัย" สวนหมอดู ทักดวง "ทักษิณ" ก.ย.นี้โดนรัฐประหาร ลั่นใครจะทำเขามากับอาญาสวรรค์
"ดร.อานนท์" ประชดเจ็บ! อยากให้ "ก้าวไกล-ธนาธร"พัง! ลองให้เป็นรัฐบาลรับรองไปไม่รอด
แม่ร้อง "ปวีณา" ช่วยนำศพลูกสาวกลับไทย หลังสถานทูตเพิ่งแจ้งข่าว ดับปริศนา นานกว่า 1 ปี
"ทนายอนันต์ชัย" ลั่น พระพุทธเจ้าไม่ได้สอน "เชื่อมจิต"
"ปชป." จี้รัฐบาลต้องกล้าตัดสินใจอย่าซื้อเวลา ทำประชามติกี่ครั้ง แก้รธน.จำเป็นต้องทำเพื่อสร้าง "ปชต." ที่สมบูรณ์

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น