No data was found

กมธ.คมนาคม โต้เดือด “โสภณ” สุดมั่วอ้างมติฟอกขาวรถไฟฟ้าสีส้ม

กดติดตาม TOP NEWS

"กมธ.คมนาคม" โต้ ”โสภณ ซารัมย์" แจงโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม เป็นขบวนการ “ฟอกขาว” ไม่ใช่มติที่ประชุมแต่เป็นความเห็นส่วนตัว ยืนยันยังไม่ได้ข้อสรุป เหตุมีความไม่ชอบมาพากล ระบุพรรคร่วมฝ่ายค้าน มีช่องทางให้ฝ่ายกฎหมายยกร่างเพื่อดำเนินคดีกับนายกรัฐมนตรี และบุคคลที่เกี่ยวข้อง หากไม่ยกเลิกประมูลโครงการ

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2565 นายโสภณ ซารัมย์ ประธานคณะกรรมาธิการ การคมนาคม พร้อมด้วย นายนิกร จำนง รองประธานคณะ กมธ.การคมนาคม คนที่ห้า ร่วมแถลงข่าวผลการประชุมคณะ กมธ. เรื่อง “ศึกษาการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม” โดยอ้างถึงการเชิญผู้แทนจาก การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และ รถไฟฟ้าบีทีเอส มาชี้แจงต่อคณะกมธ. ได้ข้อสรุปดังนี้

1) ตามที่ปรากฎเป็นข่าวในสื่อมวลชนที่อ้างว่ามีส่วนต่างของราคาในขั้นตอนการประกวด คณะ กมธ.เห็นว่าไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ เนื่องจากเป็นการยื่นเสนอราคาที่ต่างกรรม ต่างวาระกัน และผู้ที่ร้องเรียนไม่ได้ยื่นประกวดราคาในครั้งที่ 2 (ครั้งล่าสุด) จึงนำมาอ้างว่าเป็นส่วนต่างไม่ได้

2) ประเด็นการกีดกันการเสนอราคา เมื่อสอบถามกับผู้ร้องเรียน เพราะเหตุใดจึงไม่ได้เข้ายื่นเสนอราคา ได้รับการแจ้งว่า ในทีโออาร์มีการกีดกันไม่ให้ยื่นการประกวดราคา แต่เมื่อฟังคำชี้แจงจาก รฟม. แล้ว ปรากฎเป็นหลักฐานจากการวินิจฉัยของศาลปกครองที่ไม่คุ้มครองชั่วคราว ว่า ทีโออาร์ที่ใช้จัดประกวดราคามีลักษณะเปิดกว้างมากขึ้น ศาลจึงยกฟ้อง ไม่คุ้มครองชั่วคราว จึงเชื่อได้ว่าไม่ปรากฎมีการกีดกันการแข่งขันแต่อย่างใด

 

ล่าสุด วันนี้ (16 ธ.ค.65) นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส. บัญชีรายชื่อก้าวไกล และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ในฐานะกรรมาธิการ(กมธ.) การคมนาคม กล่าวถึง การแถลงโดยอ้างมติที่ประชุมคณะกรรมาธิการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่เกิดขึ้น จากคำพูดประธานคณะกรรมาธิการ การคมนาคม ได้สร้างความไม่สบายใจให้กับกรรมาธิการหลายคน เพราะการแถลงข่าวดังกล่าวเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง และไม่ได้เป็นมติที่ประชุม จึงไม่สามารถแถลงในฐานะคณะกรรมาธิการ การคมนาคม ได้

พวกตนในนามกมธ. จึงขอมาแถลงในนามพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพราะที่ผ่านมาพรรคร่วมฝ่ายค้าน เคยยื่นญัตติด่วนในการอภิปรายเรื่องนี้ แต่ได้รับการปฏิเสธ และกลับถูกนำมาฟอกขาวในกมธ. ทั้ง ๆ ที่ในการประชุมยังไม่ได้ข้อสรุปใดๆ

ดังนั้น จึงยืนยันว่า กรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร ต้องตรวจสอบโครงการใหญ่ๆ เพื่อทำให้เกิดความโปร่งใส และการประชุมครั้งล่าสุด ซึ่งผู้ว่าฯรฟม.มาชี้แจง แต่ปรากฎว่ามีแนวทางที่ผิดแปลกไปจากเดิม เพราะไม่ได้เรียกทุกฝ่ายมาชี้แจงพร้อมกัน แต่เรียกมาทีละฝ่าย ก่อนมีข้อสรุปของการประชุม คือการขอเอกสารให้ตอบคำถามของ กมธ. และขอเอกสารประกอบ

 

ข่าวที่น่าสนใจ

“นี่คือมติของคณะกรรมาธิการคมนาคมเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.และไม่ได้เป็นไปอย่างที่ประธานแถลงว่า มีส่วนต่างราคา 6.8 หมื่นล้านบาท ในขั้นตอนการประกวดราคา แต่ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ เนื่องจากเป็นการยื่นเสนอราคาที่ต่างกรรมต่างวาระกัน และผู้ร้องเรียนไม่ได้ยื่นประกวดราคาในครั้งที่ 2 จึงนำมาอ้างว่าเป็นส่วนต่างไม่ได้ และอีกประเด็น คือเชื่อได้ว่าไม่ได้มีการกีดกันการเสนอราคาแต่อย่างใด เนื่องจากศาลปกครองมีคำสั่งไม่คุ้มครองผู้ร้อง เพราะมี QR Code ที่เปิดกว้างและศาลปกครองก็ยกฟ้อง เพราะทั้ง 2 ประเด็น เป็นความเห็นส่วนตัวของประธานไม่ใช่มติที่ประชุม และ ยืนยันว่ากมธ.บางส่วนไม่ได้เห็นด้วย

ทั้งนี้นายสุรเชษฐ์ ระบุด้วยว่า หลังจากการแถลงข่าวของประธานกรรมาธิการ การคมนาคม นายนิกร จำนงค์ รองประธานกรรมาธิการ ได้กล่าวกับตนว่า “เรื่องศึกษาการดำเนินงานรถไฟฟ้าสายสีส้มนั้น มิได้มีความเห็นใด ๆ แถลง และส่วนตัวได้เข้าร่วมประชุมเพียงช่วงสั้นๆ โดยยังไม่ได้ฟังการชี้แจงของรฟม. เพราะตนติดภารกิจในสภา ดังนั้นจึงเห็นว่ากรณีนี้ต้องมีการสรุปจากข้อมูลเพิ่มเติมและความเห็นจากทุกฝ่ายก่อนจึงค่อยมีมติของกมธ. และแถลงในนามคณะกรรมาธิการอีกครั้งหนึ่ง” นั่นแปลว่า ไม่มีใครในกมธ. เห็นว่าเป็นมติอย่างที่ประธานได้มาแถลงข่าว

 

ล่าสุดยังมีรายงานข่าวด้วยว่า เรื่องนี้เตรียมเข้าสู่ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จึงมองว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก และพรรคร่วมฝ่ายค้านจึงมีมติ ให้ตนเสนอญัตติด่วนด้วยวาจาเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อให้ความเห็นและข้อเสนอแนะ ต่อการดำเนินโครงการนี้ แต่น่าเสียดาย ที่เสียงข้างมากรัฐบาลปัดตกไป แล้วจะมาฟอกขาวในชั้นกรรมาธิการอีก เรื่องแบบนี้จึงยอมไม่ได้เด็ดขาด

ขณะที่ นายทวี กล่าวเพิ่มเติมว่า เรื่องดังกล่าวกมธ. ได้ขอข้อมูลเพิ่มเติมอีก 11 รายการ เนื่องจากเรื่องนี้มีความเกี่ยวพันกับผู้ว่าฯรฟม. และหากพบว่ามีพฤติกรรมที่ทุจริต สมยอมราคา กีดกันการประมูล เท่ากับอาจมีโทษจำคุก 10 ปี รวมถึงถ้าโครงการนี้มีการอนุมัติให้เอาสัญญาไปเข้าธนาคาร ก็จะมีเงินส่วนต่างมากถึง 6.8 หมื่นล้านบาท เกิดขึ้น ซึ่งสมมุติถ้าคืนให้ใครไปสัก 2 หมื่นล้านบาท จะเป็นการทำลายระบบเลือกตั้งทันที และจากกระแสข่าวว่ามีตัวเลขมากกว่านี้ด้วย ดังนั้นเมื่อโครงการไม่โปร่งใส จึงอยากให้มีการตรวจสอบอย่างจริงจัง โดยพรรคร่วมฝ่ายค้านได้ให้ฝ่ายกฎหมายยกร่างเพื่อดำเนินคดีกับนายกรัฐมนตรีและบุคคลที่เกี่ยวข้องตามลำดับชั้น ถ้าไม่ยกเลิกโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

อีกมุมมอง! ผู้ประกอบการกัญชาพัทยา วอนอย่าเพิ่งวิตกกังวล เชื่อว่าภาครัฐจะมีทางออกที่ดี ผู้ประกอบการอาจจะต้องปรับตัวตามข้อกำหนดที่มากขึ้น
บุกจับปาร์ตี้ยากลางวันแสกๆ ภายในพลูวิลล่า ตั้งอยู่บนเนินเขาพื้นที่ตำบลทุ่งเพล อ.มะขาม
ฟ้องแพ่ง รอสมาห์ มานซอร์ ภรรยาอดีตนายกฯเรียกคืนเงินกว่าหมื่นล้าน
อิสราเอลรวมพลมากพอบุกราฟาห์เต็มพิกัด
นาทีระเบิดซากสะพานบัลติมอร์ ปลดปล่อยเรือสินค้า (คลิป)
"ดร.อานนท์" ฝาก 7 ข้อคิด หลัง "บุ้ง ทะลุวัง" เสียชีวิต เตือนสติอย่าโหนศพ หวังผลการเมือง
"ศุภมาส" ปลื้มยอดเข้าสอบ TCAS รอบแอดมิชชันฟรี พุ่งกว่า 1.3 แสน ตอบโจทย์รัฐกระจายเท่าเทียมการศึกษา "พยาบาลศาสตร์" เลือกสมัครมากสุด
วพส. รุ่น 2 เปิดรับสมัครแล้ว ระดมวิทยากรระดับประเทศ มุ่งพัฒนาศักยภาพผู้บริหารองค์กร สร้างผู้นำระดับตำนาน
"แอมเนสตี้" โหน "บุ้ง ทะลุวัง" จี้ไทยคืนสิทธิประกันตัว 3 นิ้ว
เจ้าของแมวน้ำตาตกถูกทอมใจเหี้ยมโยนแมวอันเป็นที่รักจากคอนโดชั้น21 ลงสู่พื้นวิญญาณออกจากร่าง

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น