รัฐหนุนงบจัดระบบลงทะเบียนออนไลน์ดูแลผู้ป่วยโควิดที่บ้าน-ชุมชน

ทำเนียบฯ 26 ก.ค.- รัฐบาลบูรณาการจัดระบบดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ที่บ้านและชุมชน เพิ่มคู่สาย-ลงทะเบียนออนไลน์ จัดงบสนับสนุนเต็มที่

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้จัดระบบการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน (Home Isolation – HI) และการดูแลผู้ป่วยในชุมชน (Community Isolation – CI) สำหรับผู้ป่วยโควิด19 ที่ไม่มีอาการ โดยจัดให้มีทีมแพทย์คอยติดตามอาการ ชุดเวชภัณท์และยาที่จำเป็น เพี่อคัดแยกผู้ป่วย ลดการแพร่เชื้อภายในครอบครัวและชุมชน ซึ่งขณะนี้ ทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ปรับวิธีการจ่ายชดเชยค่าบริการสาธารณสุขกับหน่วยรับดูแลผู้ติดเชื้อแรกรับ (คลินิก/ศูนย์บริการสาธารณสุข/โรงพยาบาล) โดยจะได้รับการจ่ายชดเชยงวดแรกแบบเหมาจ่ายในอัตรา 3,000 บาทต่อราย โอนเงินให้ทุกสัปดาห์ และภายหลังเสร็จสิ้นสุดการดูแล หากค่าใช้จ่ายมีมากกว่าจำนวนเงินที่จ่ายแบบเหมาจ่ายไปแล้ว หน่วยบริการจะได้รับการจ่ายชดเชยเพิ่มเติมตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจ่ายชดเชยตามที่กำหนด จึงขอให้หน่วยบริการมั่นใจได้ว่า จะได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก สปสช.อย่างเพียงพอในการดูแลผู้ป่วย ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดต่อ “สายด่วน 1330” เพื่อการประสานหาเตียง และการแจ้งเข้าระบบดูแลผู้ป่วยที่บ้าน/ชุมชน ซึ่งสปสช. ได้เพิ่มคู่สายอีก 500 คู่สายแล้ว หรือจะลงทะเบียนเข้าสู่ระบบดูแลตนเองที่บ้านผ่านเว็บไซต์ เว็บไซต์ https://crmsup.nhso.go.th/ หรือไลน์ @nhso ก็ได้

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับผู้ป่วยในพื้นที่กทม.และปริมณฑล หากประสงค์ต้องการเดินทางกลับไปรักษาตามภูมิลำเนา สามารถแจ้งความจำนงที่หมายเลข 1330 ได้เช่นกัน หรือจะลงทะเบียนทางเว็บไซต์ https://crmdci.nhso.go.th/ ที่ผ่านมา สปสช.ได้ส่งผู้ติดเชื้อโควิด-19 กลับไปรักษาที่ภูมิลำเนาแล้วประมาณกว่า 1,000 ราย โดยเป็นความร่วมมือระหว่างหลายหน่วยงาน กล่าวคือ สปสช. สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กรมการขนส่งทหารบก การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ให้การขนส่งผู้ป่วยเป็นไปตามมาตรฐานการป้องกันและควบคุมโรค ลดการแพร่กระจายเชื้อระหว่างทาง พร้อมมีเจ้าหน้าที่วิดิโอคอลให้คำปรึกษาระหว่างการเดินทางด้วย

นางสาวรัชดา กล่าวว่า ในส่วนของโรงพยาบาลหรือหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ที่ดำเนินการจัดให้มีรถพยาบาลหรือหากโรงพยาบาลไม่สามารถนำรถมารับผู้ป่วยได้เอง สามารถใช้รถอาสาสมัคร รถมูลนิธิ ที่มีความแข็งแรง ปลอดภัย โดยโรงพยาบาลเป็นผู้เบิกค่ารับส่งต่อกับ สปสช.ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งจะครอบคลุมค่าอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) รวมทั้งค่าทำความสะอาดฆ่าเชื้อพาหนะด้วย

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 เตรียมจัดงาน "หนึ่งศิลปะ หนึ่งดนตรี เพื่อทุกคน เพื่อทุกชาติพันธุ์"
"ภัทรานันท์" นำทีมไทย เดินหน้า COP30 ขยายความร่วมมือญี่ปุ่น–เยอรมนี ดันเป้าลดก๊าซเรือนกระจก สู่ Net Zero 2050
ร่วมต้อนรับ! “แม่ทัพกุ้ง” เดินทางถึงเมืองกระบี่ เตรียมบรรยายพิเศษ เรื่องเล่าทหารกล้า ปลุกพลังรักชาติ
"ศาลอุทธรณ์" พิพากษาจำคุก 6 ปี "มือเผาป้อมจราจร" ชดใช้กว่า 4 แสน "3 นิ้ว"ปาบึ้มใต้ทางด่วนดินแดง โดนคุก 3 ปี
“อัจฉริยะ” ลั่นแรงบัดซxมาก "เรือนจำพิเศษ" ปล่อย "จีนเทา" มั่วนางแบบในคุก เดินหน้าล่าผิดตร.-ขรก.กรมศุลฯทุจริตรับสินบน
โจรตีเนียน ทำทีเข้ามาซื้อของก่อนฉกสุรา–บุหรี่ หนีลอยนวล คุณตาเจ้าของร้านวัย 72 ขี่รถตามจนล้มเจ็บ

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​