อัยการนัดฟังคำสั่งคดี เอกชัย หงส์กังวาน กับพวก ขัดขวางกระบวนเสด็จฯ พรุ่งนี้ (31 มี.ค.)
30 มี.ค.- ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันพรุ่งนี้ (31 มี.ค.) อัยการนัดฟังคำสั่งคดี นายเอกชัย หงส์กังวาน นักเคลื่อนไหวทางการเมือง นายบุญเกื้อหนุน เป้าทอง หรือ ฟรานซิส นายสุรนาถ แป้นประเสริฐ หรือ ตัน ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง (Active Youth) นายชนาธิป ชัยชะยางกูร และ นายภาณุภัทร ไผ่เกาะ มาฟังคำสั่งคดีที่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลดุสิต มีความเห็นสั่งฟ้องทั้งหมดในความผิดร่วมกันพยายามกระทำประทุษร้ายต่อเสรีภาพของพระราชินี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 110 ผู้ใดกระทำการประทุษร้ายต่อพระองค์ หรือเสรีภาพของพระราชินีหรือรัชทายาท หรือต่อร่างกายหรือเสรีภาพของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบหกปีถึงยี่สิบปี (วรรคสอง) ผู้ใดพยายามกระทำการเช่นว่านั้น ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน และความผิดในข้อหามั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปฯ กีดขวางการจราจรฯ กรณีชุมนุมใกล้ขบวนเสด็จฯ เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2563
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ผู้ต้องหาทั้ง 5 คนได้เดินทางมารายงานตัว ตามที่พนักงานอัยการคดีอาญา 10 นัดสั่งคดี แต่ทนายความได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมคดีนี้ต่ออัยการ เนื่องจากในชั้นสอบสวนมีการสอบพยานไม่รัดกุม จึงขอให้อัยการสอบพยานเพิ่มเติม ประมาณ 3 – 4 ปาก เช่น น.ส.สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา ส.ส.พรรคก้าวไกล ที่อภิปรายเรื่องนี้ในสภา อัยการจึงเลื่อนการนัดฟังคำสั่งคดี เป็นวันที่ 31 มี.ค.นี้ เวลา 10.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2563 การชุมนุมของกลุ่ม “คณะราษฎร 2563” ผู้ชุมนุมบางส่วนได้เดินทางล่วงหน้ามารวมตัวกันอยู่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ หน้าทำเนียบรัฐบาล ก่อนเวลา 18.00 น. เล็กน้อยมีขบวนรถยนต์พระที่นั่งของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีและสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกร รัศมีโชติฯ ผ่านเส้นทางดังกล่าว ขณะที่เคลื่อนที่ผ่านกลุ่มผู้ชุมนุม ผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ได้ชูสัญลักษณ์ 3 นิ้วและโห่ร้อง และแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 110 ระบุว่า ผู้ใดกระทำการประทุษร้ายต่อพระองค์ หรือเสรีภาพของพระราชินีหรือรัชทายาท หรือต่อร่างกายหรือเสรีภาพของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบหกปีถึงยี่สิบปี
วรรคสอง ผู้ใดพยายามกระทำการเช่นว่านั้น ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน
วรรคสาม ถ้าการกระทำนั้นมีลักษณะอันน่าจะเป็นอันตรายแก่พระชนม์หรือชีวิต ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต
วรรคสี่ ผู้ใดกระทำการใดอันเป็นการตระเตรียมเพื่อประทุษร้ายต่อพระองค์ หรือเสรีภาพของพระราชินีหรือรัชทายาท หรือต่อร่างกายหรือเสรีภาพของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ หรือรู้ว่ามีผู้จะประทุษร้ายต่อพระองค์ หรือเสรีภาพของพระราชินีหรือรัชทายาท หรือประทุษร้ายต่อร่างกายหรือเสรีภาพของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ กระทำการใดอันเป็นการช่วยปกปิดไว้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบสองปีถึงยี่สิบปี