เริ่มตั้งแต่พิธีเปิดซึ่งจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ โดยจะมีบุคคลสำคัญเข้าร่วมเพียงประมาณ 1 พันคน และจัดขึ้นภายในสเตเดี้ยมที่ว่างเปล่า ต่อหน้าเก้าอี้เปล่ากว่า 6 หมื่น 8 พันตัว ซึ่งบุคคลสำคัญที่เข้าร่วมจะมีสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ ของญี่ปุ่น, นางจิล ไบเดน สตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐและประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศสรวมอยู่ด้วย
เรื่องแปลกที่สอง คือขบวนพาเหรดนักกีฬาซึ่งปกติจะมีนักกีฬาหลายหมื่นคน ตัวแทนจากชาติต่างๆจากทั่วทุกมุมโลก เดินกันเป็นขบวนยาวหลายกิโลเมตร พร้อมกับรอยยิ้มและการโบกมือทักทาย ก็จะแทนที่ด้วยการแสดงแบบไฮเทค และการแสดงของโดรน
เรื่องแปลกที่สาม คือบุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการจัดการแข่งขัน ไม่ถูกไล่ออกก็ลาออกไปกันหลายคน รายล่าสุดคือนายเคนทาโร่ โคบายาชิ ผู้อำนวยการงานพิธี ที่ถูกไล่ออกก่อนพิธีเปิดเพียง 2 วันหลังจากไปพูดจาล้อเลียนเหตุการณ์สังหารหมู่ชาวยิวในระหว่างช่วงสงครามโลก และ 3 วันก่อนหน้านั้น ผู้แต่งเพลงที่ใช้ในพิธีเปิดก็ตัดสินใจลาออกหลังให้สัมภาษณ์ว่าเคยบูลลี่เพื่อนพิการสมัยเป็นนักเรียน และก่อนหน้านั้น ผู้อำนวยการฝ่ายครีเอทีฟ ก็ต้องลาออกหลังไปว่านักแสดงตลกผู้หญิงที่มีน้ำหนักตัวมากว่าอ้วนเหมือนหมู
นอกจากนี้ การวิ่งคบเพลิงที่เป็นหัวใจสำคัญของโอลิมปิคก็พบกับอุปสรรคมากมายตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่กรีซ ที่ต้องถูกยกเลิกเพราะเจอเหตุวุ่นวาย พอมาถึงญี่ปุ่นก็ต้องเปลี่ยนเส้นทางวิ่งเกือบตลอดเส้นทางเพื่อหลีกเลี่ยงฝูงชน ป้องกันการติดเชื้อโควิด
และสุดท้ายเป็นการแข่งขันโอลิมปิคครั้งแรกที่จัดขึ้นภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินตลอดทั้งการแข่งขัน และท่ามกลางโรคระบาด โดยญี่ปุ่นมีผู้ติดเชื้อโควิดเมื่อวานนี้ 1 พัน 832 คนุ สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าตัวเลขจะพุ่งขึ้นเป็น 2 พัน 600 คนในช่วงต้นเดือนสิงหาคม