วันที่ 21 ก.ค.- นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น กระทรวง พม. มีความห่วงใยกลุ่มเปราะบางที่มีความเสี่ยงสูงทั้งเด็ก ผู้สูงอายุ คนพิการ คนเรร่อน คนไร้บ้าน และผู้ด้อยโอกาส จึงได้กำหนดแนวทางในการช่วยเหลือต่างๆ ด้วยความรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์ ซึ่งวันนี้ ตนพร้อมคณะผู้บริหาร เดินทางมาตรวจเยี่ยมการเตรียมพื้นที่ของสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 2 (เดิม) เขตลาดพร้าว เพื่อจัดตั้งจุดพักคอยผู้ติดเชื้อโควิด-19 สำหรับดูแลรักษาผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว ที่มีอาการไม่มาก หรือไม่มีอาการ 97 เตียง โดยความร่วมมือระหว่างกระทรวง พม. กทม. กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงกลาโหม
นายจุติกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ลงพื้นที่ไปตรวจความเรียบร้อยให้เร็วที่สุด และขอให้ใช้พื้นที่ทุกตารางเมตรที่มี เพื่อรักษาชีวิตและรักษาสุขภาพของประชาชนให้เร็วที่สุดและมากที่สุด ในส่วนของ กระทรวง พม. และ กทม. ได้ร่วมกันจัดตั้งจุดพักคอยผู้ติดเชื้อโควิด-19 แห่งนี้อย่างเร่งด่วน และมีผู้ใจบุญบริจาคอุปกรณ์ดูแลผู้ป่วยร่วมด้วย ตนยืนยันว่าทุกอย่างที่ได้รับมอบหมายจะทำอย่างเต็มที่
นายจุติ กล่าวอีกว่า กรณีมีผู้ป่วยโควิด-19 เสียชีวิต 3 รายนั้น รู้สึกเสียใจและเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก ซึ่งรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ และเชื่อว่าไม่มีใครต้องการให้มีคนเสียชีวิต สำหรับการดูแลคนไร้บ้าน คนเรร่อน ทางกระทรวง พม. ได้ดูแลช่วยเหลืออย่างจริงจังและต่อเนื่อง ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา โดยลงพื้นที่ไปเชิญกลุ่มคนดังกล่าวเข้ามาใช้สถานที่รองรับของรัฐ แต่ปัญหายังไม่จบ เพราะเป็นคนเร่รอน คนไร้บ้าน จึงไม่สามารถใช้ พรบ. ควบคุมการขอทานฯ บังคับได้ เนื่องจากยังมีสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญอย่างเต็มที่ ซึ่งสิ่งที่เราทำได้คือ การรับ-ส่ง ให้เข้ามาใช้บริการทั้งที่พักชั่วคราว อาหาร การดูแลรักษาสุขภาพและความสะอาด รวมทั้งการป้องกันโรคโควิด-19 โดยพาไปตรวจเชื้อโควิด-19 และพาไปวัคซีนให้แล้ว
นายจุติ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ กระทรวง พม. ดูแลคนเร่ร่อน คนไร้บ้าน กว่า 1,000 คน ซึ่งมีผู้แสดงสิทธิได้รับวัคซีนเพียงแค่ 200 กว่าคน มีอายุ 40-50 ปี ซึ่งขณะนี้ ได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้ว 100 กว่าคน อีกทั้งเรามีอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ในพื้นที่ กทม. ทั้ง 50 เขต 4,000 คน และทำงานร่วมกับอาสาสมัครสาธารณสุข รวมทั้งหน่วยทหารที่ประจำอยู่ตามเขต เพื่อช่วยกันบริการกลุ่มเปราะบางและประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19