จ.ตราด/นายธรา วัฒนวินิน ประธานสภาอุตสาหกรรมจ.ตราด เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 13-15 ตุลาคม 2565 สภาอุตสาหกรรมภาคตะวันออกจะจัดสัมมนาสัญจร ขึ้นที่ โรงแรมอัยยะปุระ เกาะช้าง อ.เกาะช้าง จ.ตราด โดยการจัดครั้งนี้ จะมีผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมกรรมในภาคตะวันออกและและผู้ประกอบการอุตสาหกรรมจ.ตราดที่เป็นสมาชิกเข้าร่วมประชุมและสัมมนาในครั้งนี้ราว 150 คน ซึ่งในวันที่ 13 ตุลาคม 2565 จะเป็นการประชุมของกรรมการและสมาชิกตามปกติ

ขณะที่วันที่ 14 ตุลาคม 2565 จะเป็นการสัมมนาใหญ่ของสภาอุตสาหกรรมภาคตะวันออก ในหัวข้อ ผ่าวิกฤตสู่โอกาส พัฒนาตราดก้าวทันโลกโดยจะมีการเชิญวิทยากรระดับประเทศเข้ามาบรรยายในหัวข้อต้าวๆที่จะมีประโยชน์กับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมของจังหวัดตราด และของประเทศไทย ซึ่งเริ่มจากนายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจ.ตราดจะได้ปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “ยุทธศาสตร์การพัฒนา จังหวัดตราด” เพื่อชี้ช่อง และโอกาสที่นักลงทุนจากภาคตะวันออก โดยเฉพาะนักอุตสาหกรรมด้านเกษตรอุตสาหกรรมและการลงทุนด้านพลังงานสะอาด หรือพลังงานไฟฟ้า มาร่วมด้วย คือนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายธนารักษ์ พงษ์เภตรา ประธานสถาบันอุตสาหกรรมเพื่อการเกษตรบรรยายพิเศษ เรื่องการแปรรูปพืชผลการเกษตรมาสู่สินค้าอุตสาหกรรม

และหลังพักรับประทานอาหารกลางวัน แล้ว สุริยนต์ ตู้จินดา ประธานคณะอนุกรรมการด้านการค้าชายแดน ส.อ.ท.จะบรรยายดิเศษเรื่องการค้าชายแดน โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนไทยและกัมพูชา รวมทั้งการลงทุนด้วย สุดท้าย สมโภชน์ อาหุนัย รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นักลงทุนระดับนานาชาติที่เป็นเจ้าของธุรกิจพลังงานสะอาด เช่นการทำเรือยนต์ไฟฟ้า รถยนต์ไฟฟ้า หรือแบต เตอรรี่ที่มีเทคโนโลยี่ในการชาร์จที่เร็วกว่าผู้ผลิตรายอื่นๆจะได้มาสะท้อนในเรื่องการลงทุนด้านพลังงานสะอาดให้กับสมาชิกสภาอุตสาหกรรมในพาคตะวันออกด้วย

นายธรา กล่าวอีกว่า หลัจากจบการสัมมนาแล้ว ตนเองจะเชิญนายสมโภชน์ อาหุนัย ปิดห้องคุยกับผู้ว่าราชการจังหวัดตราดและนายกอบจ.ตราดเพื่อหาช่องทางที่จะดึงนายสมโภชน์ อาหุทัยมาลงทุนการผลิตเรือยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์หัวลาก แพเรือยนต์ หรือรถยนต์ขนส่งสินค้า ที่จ.ตราดโดยเฉพาะในอำเภอคลองใหญ่เพื่อให้จังหวัดตราดเป็นศูนย์กลางด้านการลงทุนด้านพลังงานสะอาดในภูมิภาคอาเซีนและแปซิฟิค ซึ่งกลุ่มธุรกิจของนายสมโภชน์จะมีเทคโนโลยี่ที่เหนือกลุ่มประเทศเหล่านี้ ซึ่งน่าจะเป็นโอกาสของจ.ตราด แต่เรื่องนี้ผู้ว่าราชการจ.ตราดจะต้องหาช่องทางในการส่งเสริมการลงทุนให้ผู้ประกอบการเพื่อจะได้เป็นเหตุจูงใจให้เขามาลงทุน ซึ่งระยะเวลาเร็วที่สุดน่าจะ 1 ปี เพื่อให้ตามทันกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงพลังงานในปัจจุบัน ซึ่งหากประเทศไทยหรือจ.ตราดไม่ทำจะเสียโอกาสในห้กับประเทศเพื่อนบ้านในที่สุด

