ไทยศรีวิไลย์ ลุยน้ำท่วมบางปะอิน ถามไถ่ให้กำลังใจ ปชช.

นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า วันนี้ตนพร้อมคณะฯ ได้มาลงพื้นที่เพื่อสำรวจความเสียหาย ถามปัญหาสารทุกข์สุกดิบและให้กำลังใจกับประชาชน ทั้งนี้ ใน พื้นที่ ต.บ้านแป้ง ที่มี 4 หมู่บ้านนั้น น้ำได้ท่วมทุกหมู่บ้านแทบทุกพื้นที่นานกว่า 2 เดือนครึ่งแล้ว ส่วน ตำบล วัดยม ท่วมกว่า 61% ของพื้นที่ทั้งหมด พืชสวน นาข้าว เก็บเกี่ยวไม่ทัน เนื่องจาก เขื่อนเจ้าพระยา ปล่อยน้ำมากว่า 2,300-2,500 ลบ.ม./วินาที ส่วน เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปล่อยน้ำมากว่า 90-200 ลบ.ม./วินาที ปริมาณจึงมารวมที่แม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งทำให้น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัด ลพบุรี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี ซึ่งน่าจะยาวไปถึง กลางเดือนพฤศจิกายน 2565 ถึงจะลดระดับการระบายน้ำ และเข้าสู่ภาวะปกติ ถือเป็นวงจรที่เกิดขึ้นในทุกๆ ปี ทำให้ประชาชนชาว อ.บางบาล อ.บางปะอิน อ.ผักไห่ อ.เสนา อ.บางไทร อ.บางซ้าย จ.พระนครศรีอยุธยา กลายเป็นพื้นที่รับน้ำ โดยน้ำท่วมนานกว่า 3-4 เดือน ทุกปี แต่เรื่องของการเยียวยาของรัฐบาลกลับมาล่าช้า และไม่ทั่วถึง รวมทั้ง ค่าใช้จ่ายในการเยียวยาให้กับประชาชนน้อยกว่าความเสียหายที่ประชาชนได้รับ ดังนั้น ตนจึงขอสะท้อนไปยังรัฐบาลว่า ประชาชนอยากให้รัฐบาล-กระทรวงมหาดไทย เพิ่มค่าเยียวยา พืชสวน นาข้าว บ้านเรือน ที่เสียหายทั้งหมด โดยเฉพาะบ้านเรือนชดเชยแค่หลังละ 150-400 บาท/หลัง ไม่ใช่ให้ประชาชนทำเรื่องเอกสารส่งอำเภอไปจังหวัดส่งต่อไปกระทรวงมหาดไทย สุดท้าย กระทรวงมหาดไทยแทงเรื่องกลับมาให้ อบต.เอาเงินของ อบต.เยียวยาแทน ซึ่ง อบต.ไม่มีเงินในส่วนนี้ เป็นการผลักภาระรัฐบาลส่วนกลาง ซึ่งทำแบบนี้ทุกปี อีกทั้ง ตอนนี้ กกต.ก็ออกประกาศว่าในห้วงเวลา 180 วันก่อนสภาผู้แทนราษฏรครบวาระ ห้าม ส.ส.หรือ ผู้สมัคร หรือ พรรคการเมือง แจกของช่วยเหลือประชาชน แต่ในพื้นที่ อ.บางปะอิน ทั้งอำเภอเสียหายมาก ถุงยังชีพจากส่วนราชการมาไม่ทั่วถึงมาจำนวนน้อย ไม่พอกิน ดังนั้น กกต. จึงควรพิจารณาแก้ไขกฎเกณฑ์เรื่องการช่วยเหลือของนักการเมือง โดยขอผ่อนปรนให้การช่วยเหลือในกรณีที่เกิดภัยพิบัติสาธารณะ ไม่ควรนับเป็นค่าใช้จ่ายในการหาเสียงเลือกตั้งด้วย