วันที่ 29 มีนาคม ศาลปกครองจะออกนั่งพิจารณาคดีครั้งแรก ในคดี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับพวกรวม 2 คน ยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี กับพวกรวม 9 คน กรณีขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 1351/2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ที่ให้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน จำนวน 3.5 หมื่นล้านบาท ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ เพราะปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวและเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหาย โดย นางสาวยิ่งลักษณ์ ยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครอง รวม 4 คำฟ้อง ซึ่งศาลได้รวมพิจารณาเป็นคดีเดียว และในวันดังกล่าวศาลจะสรุปข้อเท็จจริงในคดีให้ผู้รับมอบอำนาจของคู่กรณีทั้งสองฝ่ายได้รับทราบ คดีนี้ศาลปกครองกลางมีคำสั่งนัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 2 เมษายน เวลา 09.00 น.
ขณะเดียวกันในวันที่ 29 มีนาคม ศาลปกครองกลาง ยังนัดอ่านคำพิพากษาในคดีที่ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ,นายอัฐฐิติพงศ์ หรือ อัครพงศ์ ทีปวัชระ หรือช่วยเกลี้ยง อดีตเลขานุการกรมการค้าต่างประเทศ , นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีต ผอ.สำนักบริหารการค้าข้าว กรมการค้าต่างประเทศ และอดีตผู้ช่วยเลขานุการในคณะทำงานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว , นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพานิชย์ , นายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยื่นฟ้อง นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพานิชย์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กรณีขอให้ศาลสั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงพาณิชย์ ที่สั่งให้ทั้งหมดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนกรณีกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการทุจริตโครงการรับจำนำและระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ในวันจันทร์ที่ 29 มีนาคม เวลา 10.00 น.
ปัจจุบันผู้ฟ้องคดีทั้ง 5 ถูกจำคุกในคดีทุจริตโครงการจำนำข้าว ซึ่งการฟ้องคดีดังกล่าว เกิดขึ้นหลังกระทรวงพาณิชย์ มีคำสั่งที่ 457 ลงวันที่ 19 กันยายน 2559 สั่งให้นายบุญทรง ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 1,770 ล้านบาท , นายภูมิ จำนวน 2,300 ล้านบาท นายมนัส , นายอัฐฐิติพงศ์ , นายทิฆัมพร เป็นเงินจำนวนรายละ 4,011 ล้านบาท ตาม พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539