นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์กรณีการทำสัญญากับบริษัทแอสตราเซเนกา ว่า ตนเองได้ไล่เลียงไทม์ไลน์การจัดหาวัคซีนแอสตราเซเนกา จำนวน 61 ล้านโดม ที่ผลิตโดยบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด และตัวเลขการส่งมอบวัคซีนในที่ผ่านมา ซึ่งการส่งมอบวัคซีนแอสตราเซนเนกา ตามกำหนดการจะเริ่มเดือนมิถุนายน 2564 แต่เนื่องจากประเทศไทยมีการระบาด จึงส่งมาให้ก่อน 2 ล็อต ได้แก่ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 จำนวน 117,300 โดส และวันที่ 28 พฤษภาคม จำนวน 242,100 โดส รวม 359,400 โดส
สำหรับเดือนมิถุนายน 2564 ส่งมา 5,130,000 โดส เดือนกรกฎาคม 2564 ส่งมาจำนวน 2,704,100 โดส ได้แก่ วันที่ 3 กรกฎาคม 2564 จำนวน 590,000 โดส, วันที่ 9 กรกฎาคม 2564 จำนวน 555,400 โดส, วันที่ 12 กรกฎาคม 2564 จำนวน 1,053,000 โดส และวันที่ 16 กรกฎาคม 2564 จำนวน 505,700 โดส รวมทั้งหมด 12 ล็อต จำนวน 8,193,500 โดส จะเห็นว่าเมื่อผลิตและตรวจรับรองรุ่นการผลิตเสร็จก็ทยอยส่งมอบ เป็นไปตามที่กระทรวงสาธารณสุขได้แจ้งว่าจะส่งเป็นรายสัปดาห์
ส่วนกรณีจดหมายของบริษัทแอสตราเซนเนกาที่ส่งถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอบคุณที่สนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตวัคซีนแอสตราเซเนกาในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงประเทศอื่นนอกอาเซียน คือ มัลดีฟส์ และไต้หวัน รวม 8 ประเทศ มีการระบุถึงข้อตกลงเจรจาจะส่งมอบวัคซีนที่ผลิตในประเทศไทยเริ่มในเดือนมิถุนายน 2564 แต่มีการส่งล่วงหน้ามาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2564 และพูดถึงเรื่องจำนวนวัคซีนที่สั่งจอง ประเทศไทยมีการจองมากที่สุด 61 ล้านโดส คิดเป็น 1 ใน 3 ของจำนวนวัคซีนที่มีการจองในอาเซียน บริษัทยืนยันการจัดส่งวัคซีนให้ประเทศไทย 1 ใน 3 ของวัคซีนที่ผลิตได้ และจะพยายามส่งให้ครบถ้วนตามสัญญา
ขณะที่การทำสัญญาจองและลงนามสัญญา 3 ฝ่าย ยังไม่ได้ผลิตวัคซีนจริง เป็นการทำสัญญาจองล่วงหน้า จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าแต่ละเดือนจะผลิตได้เท่าไร ส่งให้เท่าไรและเมื่อไร จึงต้องเจรจาแจ้งล่วงหน้าเป็นรายเดือน ซึ่งวันที่ 24 เมษายน 2564 กรมควบคุมโรคทำหนังสือแจ้งแอสตราเซนเนกาว่าต้องการวัคซีนจำนวน 6 ล้านโดส ในเดือนมิถุนายน 2564 เดือนกรกฎาคม-พฤศจิกายน 2564 เดือนละ 10 ล้านโดส และเดือนธันวาคม 2564 จำนวน 5 ล้านโดส รวม 61 ล้านโดส แต่การส่งมอบวัคซีนขึ้นกับกำลังการผลิตว่าได้มากน้อยเท่าไรและส่งให้เราได้เท่าไร ดังนั้นจำนวนที่แจ้งไปไม่ได้แปลว่าจะได้ 100% ต้องเป็นการเจรจาทั้งสองฝ่ายในแต่ละเดือน และตอนทำสัญญาไม่มีการระบุจำนวนวัคซีนที่จะส่งออกต่างประเทศ เพียงแต่ระบุว่าขอให้ประเทศไทยสนับสนุนและไม่ขัดขวางการส่งออกไปต่างประเทศ
อีกทั้งจดหมายยังระบุว่า กระทรวงสาธารณสุขต้องการวัคซีนเดือนละ 3 ล้านโดสนั้น นายแพทย์โอภาพชี้แจงว่า เป็นการอ้างอิงถึงการประชุมไม่เป็นทางการเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2563 ซึ่งเป็นเพียงการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน โดยสอบถามความสามารถในการฉีดวัคซีนของประเทศไทย ซึ่งข้อมูลที่มีคือ เคยฉีดเดือนละ 3 ล้านโดส ต่อมามีตัวเลขประมาณการณ์และแจ้งแอสตราเซนเนกาว่าขีดความสามารถฉีดได้ถึง 10 ล้านโดส ถ้ามีวัคซีนเพียงพอ
นายแพทย์โอภาส เปิดเผยต่อว่า ส่วนประเด็นว่าจะจัดส่งวัคซีนจนถึงเดือนพฤษภาคม 2565 นั้น ขณะนี้การผลิตของแอสตราเซนเนกาในประเทศไทยพยายามจะผลิตให้ได้ประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งแอสตราเซนเนกาไม่ได้แจ้งจำนวนการผลิตมา จากการคำนวณอยู่ที่ประมาณ 15 ล้านโดสต่อเดือน เพราะฉะนั้น ถ้าคิด 1 ใน 3 คือจำนวน 5 ล้านโดสต่อเดือนเป็นอย่างต่ำ และการผลิตวัคซีนขึ้นกับหลายปัจจัย รวมทั้งชีววัตถุตั้งต้น จึงยากที่บริษัทจะรับปากได้ 100% แต่จำนวนวัคซีนในสัญญากับความต้องการของไทยคือ 61 ล้านโดส ภายในเดือนธันวาคม 2564 โดยจะต้องเจรจาเป็นรายเดือน ซึ่งแอสตราเซนเนกาไม่เคยออกมาระบุว่าจะส่งมอบถึงพฤษภาคม 2564 เป็นแค่จำนวนประมาณการณ์ จึงต้องเจรจากันต่อไป