“พล.อ.ประวิตร” เร่งดึงหน่วยงานภาครัฐ-เอกชน ร่วมจัดตั้งระบบแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า

"พล.อ.ประวิตร" เร่งดึงหน่วยงานภาครัฐ -เอกชน ร่วมจัดตั้งระบบแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า

เมื่อ 25 ส.ค.65 10.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารระบบการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (กภช.) ครั้งที่1/2565 ณ ห้องประชุม มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ที่ประชุมได้รับทราบ แนวทางการถ่ายโอนศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ จาก ก.ดีอีเอส มาสังกัด กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มท. ตั้งแต่ 15 ก.ย.59 ทั้งนี้ศูนย์เตือนภัยจะปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ทั้งในภาวะปกติ ภาวะที่มีความเสี่ยง และภาวะที่มีการเกิดภัยพิบัติ พร้อมทั้งได้รับทราบ ความคืบหน้าระบบการเฝ้าระวังและช่องทางการแจ้งเตือน โดยมีการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าเพื่อให้มีการรับมือและอพยพ ผ่านอุปกรณ์การเตือนภัยประกอบด้วย

หอเตือนภัยจำนวน 338 หอ เครื่องรับสัญญาณดาวเทียม จำนวน 163 แห่งติดตั้ง ณ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยเขตทั้ง 18 เขต 70 จังหวัด และสถานีวิทยุกระจายเสียงประจำจังหวัด จำนวน 285 แห่ง รับข้อมูลผ่านสัญญาณดาวเทียมและกระจายการแจ้งเตือนด้วยระบบคลื่นวิทยุไปยังหอเตือนภัยขนาดเล็กจำนวน 674 แห่ง และส่งถึงหอกระจายข่าวภายในชุมชน และหมู่บ้าน ต่อไป

จากนั้นที่ประชุมได้เห็นชอบ (ร่าง) แผนยุทธศาสตร์การบริหารระบบการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ พ.ศ. 2566-2570 ภายใต้วิสัยทัศน์ “เป็นผู้นำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้านการบริหารการเตือนภัย ด้วยดิจิทัลแบบบูรณาการที่มีมาตรฐานสากล” ประกอบด้วย 4 ยุทธศาสตร์ หลัก และสอดคล้องกับ ยุทธศาสตร์ชาติ 20ปี และเห็นชอบการดำเนินการแจ้งเตือนภัยโดยใช้ระบบ Cell Broadcast ด้วยการแจ้งเตือนภัยไปยังโทรศัพท์เคลื่อนที่ และสามารถระบุพื้นที่ที่จะทำการแจ้งเตือน ไปยังอุปกรณ์สื่อสารจำนวนมากในการส่งเพียงครั้งเดียว ทั้งนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการแจ้งเตือนภัยให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งการดำเนินการจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน อาทิ กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ ,กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ กรมอุตุนิยมวิทยา กรมชลประทาน สทนช. และผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ เป็นต้น

พล.อ.ประวิตร ได้กำชับกระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย รวมทั้งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามแผนงาน จะต้องบูรณาการทำงานร่วมกัน อย่างมีเอกภาพ เพื่อยกระดับการแจ้งเตือนสู่ระดับที่สูงขึ้น สามารถเพิ่มประสิทธิภาพและปฏิบัติงานได้จริง เพื่อลดความเสี่ยง ความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างมหาศาล จากภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว อาทิ น้ำท่วมฉับพลัน ไฟป่า แผ่นดินไหวหรือ สึนามิ เป็นต้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สระแก้ว กองบิน 3 ร่วมกับกองกำลังบูรพา ลงพื้นที่ให้ความรู้การสังเกตเป้าหมายทางอากาศและโดรน ในพื้นที่ชายแดนสระแก้ว
"นิพนธ์" บางอ้อเลย ทำไม "เพื่อไทย" ยอมแตกหัก"ภท." เร่งขอคืนเก้าอี้มท.1
ชาวแหลมงอบ แสดงพลังใจเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อแสดงความรักชาติและสร้างความสามัคคีของชาวไทยต่อเหตุการณ์สู้รบ
โกหกรายวัน "มาลี" โวทหารเขมร บุกรื้อถอนรั้วลวดหนาม "ช่องอานม้า" แล้ว โป๊ะแตกแค่ทำคอนเทนต์ ก่อนโดนทหารไทยไล่ตะเพิด
จังหวัดสมุทรสาคร ร่วมแก้ปัญหาการเลี้ยงปลาสลิด ฝ่าวิกฤตสู่ความยั่งยืน
อบจ.นครฯ จัดอบรม “ร้อยลูกปัดมโนราห์” เสริมอาชีพ สร้างรายได้ 

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​