วันที่ 14 ก.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากลุ่มศิลปินพื้นบ้านอาชีพที่เกี่ยวข้องในจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้นำเครื่องดนตรี เวที เครื่องเสียง รถยนต์ ไปจำนำนำเงินก่อนสุดท้ายมาร่วมลงทุนเปิดร้านขายน้ำชา-กาฟ ชื่อร้าน “โนราคอฟฟี่บาร์”ปากซอยสนธิพร (แม่ธูป) ” ถนนศรีธรรมโศก ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช หลังจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดมาตั้งแต่เดือน มีนาคม 2563 เป็นต้นมา ทำให้ได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส โดยเฉพาะในระลอกที่ 3 ตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 เจ้าภาพคืนงานที่รับไว้ล่วงหน้าทั้งหมดและต้องคืนเงินมัดจำทุกงาน ซึ่งในปัจจุบันพูดได้เลยว่ากลุ่มศิลปินพื้นบ้าน อาทิ รำวงเวียรครก หนังตะลุง มโนราห์ กลายเป็นกลุ่มที่สิ้นเนื้อประดาตัวไปโดยปริยาย เพราะที่ผ่านมาไม่เคยได้รับการเยี่ยวยาช่วยเหลือใด ๆจากทางภาครัฐปล่อยให้กลุ่มศิลปินพื้นบ้านผจญชะตากรรมแบบตัวใครตัวมัน
นายประทวน คมพัดลับ หรือ “ทาบ ทุ่งแย้” ” อายุ 53 ปี เจ้าของกิจการ “ทาบมิวสิค”ให้เช่าเครื่อง ดนตรี เวที เครื่องเสียงให้เช่า กล่าวว่า ตนและกลุ่มรำวงเวียนครกในจังหวัดนครศรีธรรมราช ไม่น้อยกว่า 50 คณะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักที่สุดในชีวิต นักดนตรีและคนงานต่างพลอยได้รับผลกระทบไปตาม ๆ กัน จนต้องประกาศขายกิจการทั้งเครื่องดนตรี เวที เครื่องเสียง แต่ไม่มีคนซื้อ ในขณะที่ธนาคาร บริษัทไฟแนนท์ บริษัทเงินด่วนที่พวกเราไปกู้เงินไว้พากันติดตามทวงหนี้ไม่เว้นแต่ละวัน และมีการคิดค่าติดตามทวงหนี้เพิ่มดอกเบี้ยและอื่น ๆ ซึ่งตนและเพื่อน ๆ ทุกคน ทุกคณะชี้แจงแบบเดียวกันว่า พวกเราไม่มีงาน ไม่มีรายได้ใด ๆ เลยขอให้ช่วยพักชำระหนี้ไว้ก่อน แต่ทุกธนาคาร ทุกบริษัทยืนยันว่าไม่มีนโยบายที่จะพักหชำระหนี้หรือลดต้น ลดดอกให้กับลูกหนี้ และต้องดำเนินการไปตามสัญญาและขั้นตอนปกติ
“ตนอยากให้รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีนโยบายในการช่วยเหลือพวกเราบ้าง โดยช่วยคุยกับธนาคาร บริษัทไฟแนนท์ บริษัทเงินด่วนทั้งหลายให้พักการชำระหนี้ ลอดเงินต้น ดอกเบี้ยหรือมีแนวทางใด ๆ ก็ได้ที่เปิดโอกาสให้พวกเราได้หายใจกันบ้าง มันหนักมาก หนักที่สุดในชีวิตที่พบเจอ ไม่ตายคราวนี้ไม่รู้จะตายคราวไหน และไม่มีว่าสถานกหารณ์จะกลับมาเป็นปกติสามารถรับงานแสดง มีรายได้บ้างได้เมื่อไหร่ พวกเราตกระกำลำบากมานานกว่า 1 ปี 4 เดือนแต่ไม่ได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวช้องเลย ได้โปรดยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเยียวยา แก้ไขปัญหาให้พวกเราบ้างเถิด”
นายประทวน คมพัดลับ กล่าวอีกว่า ในขณะนี้พวกเรามีกระสุนนัดสุดท้ายและถือว่าขอดิ้นเฮือกสุดท้ายจริง ๆ โดยตนและนายฉัตรพิสิษฐิ์ ไชยนุรัตน์ หรือ “ใหญ่ ไชยมนตรี” อายุ 52 ปี เจ้าของวงดนตรีรำวงเวียนครกวง “ไชยมนตรี” ได้นำรถยนต์ที่ใช้บรรทุกเวที เครื่องเสียง รวมทั้งเครื่องดนตรีอีกหลายชิ้นไปจำนำได้เงินมา 1 แสนบาท และอีกส่วนหนึ่งนักร้อง นักดนตรี แดนเซอร์ คนงานขึ้นลงเวที ระดมเงินเก็บคนละ 5,000-10,000 บาทได้เงินรวมประมาณ 1.5 แสนบาท มาร่วมลงทุนเปิดร้านขายน้ำชา-กาแฟ ชื่อร้าน “โนราคอฟฟี่บาร์” โดยเช่าห้องเดือนละ 7,000 บาท ร่วมกันตกแต่งร้านและซื้อวัสดุ อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ เปิดร้านวันแรกเมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมามีพรรคพวกเพื่อนฝูงที่ทราบข่าวมาอุดหนุนกันพอสมควร แต่คงจะช่วยอะไรได้ไม่มาก จะให้มีรายได้เพียงพอกับการจ่ายหนี้เงินกู้ และใช้จ่ายอื่น ๆ คงเป็นไปไม่ได้ แต่อย่างน้อยแค่ให้พอมีกำไรเป็นค่าอาหารของทีมงานทั้งหมดยืดระยะต่อลมหายใจไปได้ระยะหนึ่งเท่านั้น “นอกจากน้ำชา -กาแฟ ปาท่องโก๋ ไก่ทอด นมสด ไข่ลวก น้ำผลไม้ปั่น ติ่มซ้ำ โจ๊กหมู๋/ไก่ แล้วทางร้านยังรับสั่งทำเค้ก คุกกี้ ขนมต่าง ๆ นอกจากนี้พวกเรายังมีแนวคิดว่าในยุคสถานการณ์จะพยายามหาสมุนไพรไทยที่ได้รับการยอมรับว่ามีผลในการต่อต้านหรือรักษาไวรัสโควิด ทั้งฟ้าทะลายโจร กระชายขาว ขิง มะนาว มะกรูด ตะไคร้ ใบเตย มาปั่นเป็นน้ำปั่นสมุนไพรไทยต่อต้านเชื้อโควิดจำหน่ายแก้วละ 20-40 บาท โดยในขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการคิดค้นสูตรต่าง ๆ ภายในวันที่ 20 ก.ค. นี้จะเริ่มจำหน่ายน้ำมั่นสมุนไพรไทยต่อต่านโควิดได้ จึงขอเชิญชวนพรรคพวกเพื่อนฝูงไปอุดหนุนกันได้ตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น.ทุกวัน ที่พิเศษสุด ๆ พรรคพวกเพื่อนฝูงและประชาชนทั่วไปที่ไม่มีเงินก็สามมรถไปใช้บริการได้ฟรี ไม่มีปัญหา สามารถโทรสอบถามรายละเอียดได้ที่ นายฉัตรพิสิษฐิ์ ไชยนุรัตน์ หรือ “ใหญ่ ไชยมนตรี” 0831979720 หรือนายประทวน คมพัดลับ โทร 0822858776”.
ไพฑูรย์ อินทศิลา ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.นครศรีธรรมราช