No data was found

นับถอยหลัง 8 ปี ประยุทธ์ รอดหรือร่วง

กดติดตาม TOP NEWS

หลังฝ่ายค้านฝ่ายแค้น คนชั่วคนไม่ดี  ออกโรงกระหน่ำสหบาทานายกฯ  “ 99 พลเมือง – 51 อาจารย์นิติศาสตร์ 15 มหาลัย  -แพทย์ชนบท”  รวมพลขย่มบิ๊กตู่  ปั่นกระแสให้ลาออก  แต่ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองออกโรงค้าน  ตีความรัฐธรรมนูญอย่าเอามันส์ ต้องดูให้ครบจบทั้งประโยค  สดศรีมั่นใจนับ 60  ไตรรงค์ระบุไม่มีความผิดหากไม่มีกฎหมาย  ชูชาติอดีตผู้พิพากษามั่นใจประยุทธ์อยู่ยาว  ลุ้นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดีประวัติศาสตร์  บิ๊กตู่เฮผู้ตรวจการแผ่นดินตีตกคำร้องพี่ศรีแล้ว

นับจากวันนี้ 18 ส.ค.2565 เหลือเวลาอีกแค่ 5 วัน  ก็จะครบกำหนดการดำรงตำแหน่งนายกฯ 8 ปี ของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา  นายกฯและรมว.กลาโหม  หากนับตาม “ความเชื่อ”  และ “ความต้องการ” ของพรรคฝ่ายค้าน กลุ่มเห็นต่าง ฝ่ายตรงข้าม  ซึ่งมองและนับว่าพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯวันแรกตั้งแต่  24 ส.ค.2557 เพราะฉะนั้นหัวเด็ดตีนขาดอย่างไร  23 ส.ค.2565 ที่จะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ จะเป็นวันสุดท้ายในการทำหน้าที่นายกฯไม่เกิน  8 ปี  ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 158 วรรค 4 “ นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกินแปดปีมิได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่ แต่มิให้นับรวมระยะเวลาในระหว่างที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปหลังพ้นจากตำแหน่ง”

กลุ่มที่สนับสนุนแนวคิดนี้ประกอบด้วยพรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้แก่พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล  ที่ล่าสุด ชลน่าน ศรีแก้ว  หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม  ประธานวิปฝ่ายค้าน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล  นิคม บุญวิเศษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย ได้ร่วมกันยื่นหนังสือถึงมือ ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เพื่อขอส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ของพล.อ.ประยุทธ์  ใน  2 ประเด็น คือ 1. ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ ม.170 วรรค 2 และ ม.158 วรรค4 และ  2. ให้พล.อ.ประยุทธ์หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย  ในส่วนกลุ่มคนที่สนับสนุนแนวคิดนี้ก็มี 1. กลุ่มปัญญาชนและพลเมืองไทยจำนวน 99 คนที่ออกมาเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกก่อน 23 ส.ค.2565   2. บรรดาอาจารย์นิติศาสตร์ จำนวน 51 คน จาก 15 มหาวิทยาลัย ร่วมกันเขียนจดหมายเปิดผนึกถึง ประธานตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรณี การนับระยะเวลาดำรงตำแหน่งของนายกฯ ต้องเป็นอิสระจากผู้มีอำนาจและการใช้กฎหมายในการตัดสินต่อทุกคนอย่างเสมอกัน 3. ชมรมแพทย์ชนบท ออกแถลงการณ์ “8 ปีแล้ว พอเถอะนะ”  เนื้อหาใจความ ประเทศไทยยังมีคนดีคนเก่งที่สามารถทำหน้าที่นายกฯ ได้จำนวนไม่น้อย ขอให้พล.อ.ประยุทธ์มีสำนึกประชาธิปไตย ก้าวลงจากตำแหน่งตามกติกาอย่างคนรู้จักพอ เปิดทางให้เมืองไทยเดินไปข้างหน้า เปิดโอกาสให้ประชาธิปไตยได้เติบโต  แนวคิดของคนกลุ่มนี้อ้าง “เจตนารมย์” ของการร่างรัฐธรรมนูญมาเบรกพล.อ.ประยุทธ์ไม่ให้ไปต่อ   เพราะถือว่าทำหน้าที่มา 8 ปีแล้ว แม้ครั้งแรกจะมาด้วยรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ม.19  แต่ก็ถือว่าเป็นนายกฯแล้ว  เหตุผลหลักที่สนับสนุนความคิดนี้ก็คือการนำเอาบันทึกการประชุมของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ.แสดงความเห็นว่าครม.ก่อนหน้านี้ประกาศรัฐธรรมนูญ 2560 ก็ให้ถือว่าเป็นครม.ที่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับบนี้เช่นกัน คล้ายๆเนื้อหา รัฐธรรมนูญ ม.264

แนวคิดที่สองของการนับอายุนายกฯคือให้ยึดตามปีที่มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเป็นที่ตั้ง คือเริ่มนับตั้งแต่ 6 เม.ย.2560 เพราะฉะนั้น 8 ปีนายกฯ ก็จะเป็นวันที่ 5 เม.ย.2568 คือเหลือเวลาอีก 2 ปีเศษ   ผู้หลักผู้ใหญ่ที่เห็นควรนับแบบนี้ก็มี  นางสดศรี สัตยธรรม อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และ อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา  ที่ยืนกรานว่า  การนับวาระนายกฯ ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.  2560  ที่มีบทบัญญัติใน ม. 158 วรรค 4  ที่ว่าดำรงตำแหน่งไม่เกิน 8 ปี ส่วนคำว่า 8 ปีนับตั้งแต่เมื่อไหร่นั้นก็ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 2560 จะไปนำเอารัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 มาใช้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นการที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯตามรัฐธรรมนูญ 2557 จะนำมาใช้เมื่อปีรัฐธรรมนูญ 2560 ไม่ได้  “ ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 264 ไม่ได้ระบุว่าให้นำรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 มาใช้ด้วย ดังนั้น อายุการดำรงตำแหน่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จึงต้องเริ่มต้นนับแต่วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2560 คือวันที่ 6 เม.ย.2560 ซึ่งจะครบ 8 ปีในวันที่ 5 เม.ย.2568” สดศรีระบุ   แนวคิดแบบนี้คือการคิดที่เรียกว่า “เจอกันครึ่งทาง”  ยึดเอาการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ การมีกติกาเป็นที่ตั้ง กติกาใช้เมื่อไหร่ให้นับตั้งแต่ตอนนั้น  ฝ่ายค้านก็ได้ไม่สุด พล.อ.ประยุทธ์ก็ได้ไม่ครบ  วินวินทั้งสองฝ่าย  หรือได้กันคนละครึ่งทาง  ที่เรื่องการนับวาระแบบนี้ไปสอดคล้องกับคำพูดที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม เคยหลุดปากออกมาแล้วว่า  “นายกฯอยู่อีก 2 ปี”  ก็คงตีความในลักษณะแบบนี้เหมือนกัน  และใกล้เคียงกับสิ่งที่  “ด็อกเตอร์สามสี” ไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกฯ โพสต์เฟซบุ๊คล่าสุด ความว่า   “ ภาษาละตินประโยคหนึ่งที่ถูกใช้เป็นหลักกฎหมายสำคัญทั้งในระบบแบบโรมัน และระบบของอังกฤษ (Common Law) จารึกเป็นภาษาลาตินว่า NULLUM CRIMEN SINE LEGE  แปลตรงๆจะหมายถึง ไม่มีการกระทำที่เป็นความผิด หากไม่มีกฎหมาย”

ส่วนแนวคิดสุดท้ายก็เรียกแบบเข้าใจง่ายคือ เป็นคุณกับพล.อ.ประยุทธ์  เพราะคิดตีความตามตัวบทกฎหมายให้ครบทุกตัวอักษร  เงื่อนไขต้องครบองค์ประกอบต้องเข้าทุกข้อตาม รัฐธรรมนูญ ม.158  จึงจะนำมาคิด แถมนับวาระการเป็นนายกฯของพล.อ.ประยุทธ์ เพิ่งเริ่มเมื่อ 9 มิ.ย.2562 ที่ผ่านมาไม่กี่ปีนี้เท่านั้น   คนที่ปักธงให้ตีความแบบนี้ ตั้งแต่แรกๆก็ คือ  ชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าศาลฎีกา ที่นั่งยันยืนยันนอนยันเลย  เขียนลง FB  เมื่อ  3ส.ค.เลยว่า “การเป็นนายกรัฐมนตรี ตาม ม.158 วรรคสอง โดยมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2562  คิดถึงปัจจุบันเป็นเวลาเพียง 3 ปี 1 เดือน 6 วันเท่านั้น  การเป็นนายกฯ ของพล.อ.ประยุทธ์ก่อนวันที่ 9 มิ.ย.  2562  มิได้เป็นนายกรัฐมนตรีตาม ม.158 วรรคสอง จึงนำเวลามารวมกันตามม.158 วรรคสี่ ไม่ได้การอ่านและตีความกฎหมายในกรณีที่มีหลายวรรคนั้น ต้องพิจารณาประกอบกันทุกวรรค มิใช่นำมาพิจารณาใช้เพียงวรรคเดียวโดยมิได้นำวรรคอื่นมาพิจารณาประกอบด้วย”  อาจารย์ชูชาติสอนกฎหมายให้คนไทยฟัง  เช่นเดียวกับบิ๊กทหารอย่าง พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.)   ก็ระบุในทำนองนี้เหมือนกัน  นายกฯครบวาระปี 2570 ยาวไปๆ    “ ตอนลุงตู่เป็นนายกฯครั้งแรก ( 24 ส.ค.2557)  หลังการรัฐประหารนั้น ลุงตู่ไม่ได้เป็นนายกฯ ตาม ม.159 อย่างแน่นอน  เพราะเป็นนายกฯ โดยไม่ได้รับการแต่งตั้งจากบุคคลที่มีรายชื่อตามที่พรรคการเมืองเสนอมา  ดังนั้นถ้าดูตามตัวหนังสือในรัฐธรรมนูญ ม. 158 และ ม. 159 แล้ว จะเห็นได้ชัดเจนว่า ลุงตู่เพิ่งจะเป็นนายกตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันนี้ ได้ประมาณ 3 ปีกับ 3 เดือนเท่านั้น” อดีตบิ๊กศรภ.ฟันธง

อย่างไรก็ตามข่าวล่ามาแรง ล่าสุดสำนวณคำร้องที่ ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณา และมีความเห็นส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปัญหาวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์   ล่าสุดที่ประชุมเมื่อ 17 ส.ค.มีมติตีตก  เนื่องจากเห็นว่าคำร้องดังกล่าวไม่ใช่การขอให้พิจารณาว่ากฎหมายใดขัดกับรัฐธรรมนูญ   แต่เป็นเรื่องของคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่รัฐธรรมนูญ ม. 170 วรรคสาม  ซึ่งต้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หรือ ส.ส.จำนวน 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ เข้าชื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญจึงจะวินิจฉัยได้  เพราะฉะนั้นคำร้องของพี่ศรีเรื่องนี้จึงตกไป   จะเหลือก็แต่คำร้องของส.ส.ฝ่ายค้านที่หมอชลน่านยื่นเพียงฉบับเดียว ดูทรงแล้วบิ๊กตู่ก็ไม่ได้หวั่นไหวอะไร  ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญตัดสินออกหน้าไหนก็พร้อมโคมหัวยอมรับ จะให้หยุด จะให้ไปต่อ 2 ปี หรือไปต่อ 4 ปี ก็ได้หมด แต่คนดีอย่างพล.อ.ประยุทธ์ ภาษิตโบราณว่าไว้  “ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้” ชีวิตนี้ผ่านอุปสรรคขวากหนามมาเยอะ  ด่านสุดท้ายเรื่องนี้ฟ้ามีตา สวรรค์มีใจ  ประเทศไทยมีพระสยามเทวาธิราชอภิบาลคนดี คนชั่วคนพาลคนเลวยังไงก็พ่ายแพ้ สุดท้ายปลายทางก็ยังเชื่อว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะเห็นแก่ประโยชน์ชาติ  ให้เวลาพล.อ.ประยุทธ์ได้ไปต่อ  แค่ลุ้นว่าจะ 2 ปี หรือ 4 ปี เท่านั้นเอง

////////////////

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ปตท. รวมพลังผู้บริหารและพนักงานร่วมปรับภูมิทัศน์@คลองเปรมประชากร สร้างสวนฯให้คนเมือง
"สอบสวนกลาง" รวบเจ้าของเพจฟุตบอล แฝงโฆษณาพนันออนไลน์ รายได้กว่า 1.5 ล้านบาท
ไทยพาณิชย์ ตอกย้ำกลยุทธ์ Digital Bank with Human Touch เปิดตัว โปรจีน อาฒยา นักกอล์ฟหญิงระดับโลก เป็น Brand Ambassador
"ซุปเปอร์นายกฯ" นัด "นายกฯ" ผู้จัดการรัฐบาลเคาะโผครม.ปิดจ็อบจัดสรรโควตาครม.เศรษฐา 2
น้อมรำลึก วันคล้ายวันสวรรคตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระมหากษัตริย์นักรบ ผู้ยิ่งใหญ่ และกล้าหาญ
"ปตท." รวมพลังเดินหน้าปรับภูมิทัศน์ "คลองเปรมประชากร" ถวายเป็นพระราชกุศล
สหรัฐวิตกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ผุดเป็นดอกเห็ดเต็มพรมแดนเมียวดี
"ปารีณา" สุดซึ้งน้ำตาคลอ นักการเมืองที่เคยฟาดฟันกลางสภา ยกลูกพรรค มาร่วมงานศพ "พ่อทวี ไกรคุปต์"
"สมาคมธนาคารไทย" ร่วมมือรัฐบาล เคาะลดดอกเบี้ย 0.25% นาน 6 เดือนช่วยลูกหนี้เปราะบาง
"นายกฯ" นำครม.เยี่ยมชมหลักสูตรการฝึกปฏิบัติ "เศรษฐกิจพอเพียง" ศูนย์ฝึกร.ร.จิตอาสา 904

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น