เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2565 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากแม่ค้าขายหมูใน ตำบลกุดสะเทียน อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู แจ้งว่าพบอ้วกหมู หรือสำรอกหมู น้ำหนัก 2.9 ขีด ความยาว 3.5 นิ้ว กว้าง 3 นิ้ว อยู่ในกระเพาะพ่อพันธุ์หมูอายุกว่า 5 ปี น้ำหนัก 280 กิโลกรัม ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบพบ นางสาวธรรศณาวรรณ ปกป้อง อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 76 หมู่ 4 บ้านนาทม ตำบลกุดสะเทียน อำเภอศรีบุญเรือง เล่าว่า ครอบครัวของตนเองกับสามี มีอาชีพชำแหละเนื้อสุกรขายตามตลาดนัด โดยในช่วงเช้าคุณพ่อได้นำหมูพ่อพันธุ์เพศผู้ อายุประมาณ 5 ปี น้ำหนัก 280 กิโลกรัม มาชำแหละเพื่อจะนำไปขาย โดยแม่ได้เป็นคนล้างกระเพาะหมู ไปพบก้อนสีน้ำตาล 2 ก้อน เป็นวงรีอยู่ในกระเพาะของสุกร ไม่มีเศษอาหารอะไรเลย จึงนำมาล้างน้ำพบว่าเป็นก้อนสีน้ำตาล และเป็นเส้นไหมสีทองเป็นกระจุก โดยหมูตัวนี้ซื้อมาจากจังหวัดเลย จะนำมาชำแหละขาย ซึ่งที่ผ่านมาครอบครัวตนเองทำอาชีพขายหมูมากว่า 30 ปี ก็ไม่เคยพบก้อนแบบนี้ ตนเคยจำได้ว่าเคยมีข่าวออกเมื่อประมาณ 2 ปี ที่ผ่านมา มีคนพบอ้วกหมูหรือสำรอกหมู และมีพ่อค้าคนจีนมาติดต่อขอซื้อไปในราคา 19 ล้านบาท มีความเชื่อว่าเป็นสิ่งมงคลให้โชคในการค้าขาย และคนจีนนิยมนำไปทำเป็นยาอายุวัฒนะ ต่อมาได้มีเพื่อนบ้านทราบข่าวได้แห่กันมาดู และต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนาๆ
ชาวบ้านที่ อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวฮือฮา หลังมีข่าวคนพบ "อ้วกหมู" หลังชำแหละหมูเพศ พบเป็นก้อนคล้ายๆไหมสีทอง เคยลือว่ามีการซื้อขายเกือบ 20 ล้านบาท
ข่าวที่น่าสนใจ
นางสาวธรรศณาวรรณ บอกต่ออีกว่า ก่อนที่จะพบอ้วกหมู คุณแม่เกิดความฝันประหลาดว่า มีคนมาที่บ้านเต็มไปหมด แล้วทำอาหารกินกัน แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร ส่วนตนเองกับสามีเป็นคนชอบทำบุญ ช่วงวันพระก็จะนำน้ำปานะ และอาหารไปถวายที่วัดอยู่เป็นประจำ และเวลาไปขายของตามตลาดนัดไปเห็นคนแก่ หรือเด็ก คนพิการ คนยากคนจน ตนมักชอบซื้อข้าว อาหารมอบให้อยู่เป็นประจำ
โดยคนเฒ่าคนแก่ที่อยู่ในหมู่บ้านก็ได้เล่าให้ฟังว่า ก้อนอ้วกหมูหรือสำรอกหมู เป็นสิ่งมงคลจะนำโชคลาภมาให้ แต่ตนก็ยังไม่แน่ใจอยากให้ผู้ที่มีความรู้มาดู และพิสูจน์ว่าสิ่งที่พบ เป็นอะไรเหมือนกันแต่ตนเองได้เข้าไปในดูใน YouTube และพิมพ์คำว่าอ้วกหมู หรือสำรอกหมู ก็จะเป็นก้อนลักษณะเหมือนกัน
สำหรับอ้วกหมูหรือสำรอกหมูเคยมีผู้พบมาก่อนแล้ว แต่ที่เชื่อว่าเป็นยาอายุวัฒนะนั้น เรื่องนี้ ได้รับการชี้แจงจาก แพทย์จีนธรรมธัช เชี่ยวพรหมคุณ อาจารย์ประจำคณะแพทย์แผนจีน มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ กล่าวให้ฟังว่า ก้อนอ้วกดังกล่าวเกิดจากนิ่วในระบบทางเดินอาหารในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีอายุราว 10 ปี แต่ที่แพทย์แผนจีนรู้จักกันแพร่หลายชื่อว่า “หนิวหวง” (จีนกลาง) เป็นนิ่วในถุงน้ำดีวัว หรือคุ้นกันในชื่อ “สมุนไพรโคโรค” ซึ่งหนิวหวงมักจะเกิดกับวัวที่มีอายุมากกว่า 10 ปี
นอกจากนี้ ตามตำรับยาจีนใช้จะใช้นิ่ววัวผสมกับสมุนไพรอีก 10 กว่าอย่าง เพราะจะใช้เดี่ยว ๆ ไม่ได้ เพื่อช่วยลดพิษร้อน ลดอาการอักเสบ แก้โรคชัก และบำรุงกำลัง แต่คนเราไม่สามารถทำให้นิ่วดังกล่าวเกิดขึ้นได้ จึงเป็นคำตอบที่ว่าทำไมราคาถึงแพงแสนแพง รวมถึงนิ่วในสุนัขและม้าอีกด้วย แต่ทว่านิ่วในหมูไม่มีปรากฏ และไม่ได้รับการบันทึกไว้ในตำราแผนจีน ชาวบ้านอาจคาดการณ์กันเองว่า น่าจะมีคุณประโยชน์และราคาที่สูงตามสัตว์อื่นไปด้วย หลังจากสืบค้นทางอินเทอร์เน็ต
แพทย์จีนธรรมธัช ยังกล่าวอีกว่า ตามวัฒนธรรมการบันทึกสรรพคุณสมุนไพรใดลงไปในตำราแพทย์แผนจีนได้นั้น จะต้องผ่านการใช้งานทดลองใช้มาเป็นระยะเวลานานพอสมควร เพราะสมุนไพรในตำราแพทย์แผนจีนได้รับการบันทึกมากว่า 2,000 ปี นอกเสียจากว่าจะมีนักวิทยาศาสตร์นำอ้วกหมูดังกล่าวไปพิสูจน์ทางเคมี และวิเคราะห์ผลในสัตว์ทดลองเพื่อนำมาใช้รักษากับมนุษย์ ฉะนั้นอยากฝากเตือนประชาชนว่า ขณะนี้ก้อนอ้วกหมูยังไม่มีคุณค่าทางยา แม้จะเลี้ยงหมูให้อายุมากขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี หรือแม้แต่กระทั่งราคาที่สูงลิบลิ่วที่เชื่อและอนุมานกันไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
