นักวิชาการ ชี้ มือสังหาร “อาเบะ” จิตไม่ปกติ หวังให้โลกจดจำ

ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญาวิทยา วิเคราะห์คนร้ายก่อเหตุช็อคโลก สังหาร “ชินโซ อาเบะ” ต้องการเป็นที่จดจำของโลก เชื่อสภาวะจิตใจไม่ปกติ

จากกรณีคนร้ายลอบสังหาร นายชินโซ อาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรีประเทศญี่ปุ่นระหว่างการไปลงพื้นที่พบปะประชาชน โดยคนร้ายแอบรอบเข้ามาใช้อาวุธปืนที่ประดิษฐ์ขึ้นมาเอง ยิงจากด้านหลัง จนเสียชีวิต ถือเป็นเหตุการณ์โศกนาฏกรรมช็อกโลก นั้น

ข่าวที่น่าสนใจ

ล่าสุดทีมข่าว Top News ได้พูดคุยกับ พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล นักอาชญาวิทยา ผู้ช่วยอธิการบดีและประธานกรรมการ คณะอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต วิเคราะห์ถึงเหตุการ์ดังกล่าวว่า จากการติดตามข่าวคาดว่า ผู้ก่อเหตุรายนี้น่าจะมีความเชื่อทางการเมืองที่แตกแยก จนสามารถก่อเหตุรุนแรงได้ อีกทั้งผู้ก่อเหตุเคยรับข้าราชการกองกำลังทหารของญี่ปุ่น มีการฝึกฝนพื้นฐานในเรื่องของอาวุธต่างๆ เมื่อมีแนวความคิดรุนแรง ประกอบกับทักษะความเชี่ยวชาญด้านอาวุธมารวมกัน ทำให้เกิดความคิดขึ้นมาอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงตามความเชื่อของตัวเอง อีกทั้งผู้ก่อเหตุอาจมีสภาวะทางจิตใจที่มีความเครียด ก็อาจเป็นส่วนหนึ่งไปกระตุ้นให้ผู้ต้องหาก่อเหตุรุนแรงลักษณะนี้ได้

ขณะเดียวกัน ทางอาชญาวิทยาจะเรียกผู้ที่มีความคิดที่ต้องการเปลี่ยนแปลงตามความเชื่อของตนเอง และต้องการให้โลกจารึกชื่อตนเองไว้ตลอดกาล ว่า หมาป่าผู้โดดเดี่ยว หรือ Lone Wolf คำกล่าวคือ ผู้ที่มีความคิดแบบ Lone Wolf จะไม่มีสายสัมพันธ์ในสังคม ไม่ว่ากลับครอบครัว เพื่อนร่วมงาน หรือสังคมรอบข้าง ก็จะมีโอกาสสร้างความรุนแรงในจิตใจ และความคิดมากขึ้น จากการที่ไม่มีความสัมพันธ์กับคนรอบข้างเลย

สำหรับแนวความเชื่อทางการเมืองที่รุนแรง พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงศ์ เชื่อว่า ผู้ก่อเหตุน่าจะตกเป็นเหยื่อของทฤษฎีสมคบคิด หรือ การเสพข้อมูลที่ไร้หลักฐานมารองรับ จนเชื่อว่าสิ่งที่ตนะองคิดเป็นเรื่องจริง พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงศ์ ยังเปิดเผยอีกว่า ในฐานะที่ตนเองเคยรับราชการตำรวจมองว่า การป้องกันรักษาความปลอดภัยของนายกรัฐมนตรีอาเบะ ค่อนข้างหละหลวม กรณีที่อดีตนายกอาเบะกำลังยืนปราศรัยอยู่นั้น เมื่อดูในคลิป ไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนไหนยืนอยู่ด้านหลังตัวนายอาเบะมีแต่เจ้าหน้าที่มองไปด้านหน้าไม่มีใครระวังด้านหลัง ซึ่งตามหลักการป้องกัน บุคคลสำคัญจะต้องมีการระวังจากด้านหลังด้วย ซึ่งเหตุการณ์ช็อคโลกครั้งนี้น่าจะเป็นกรณีศึกษาให้กับหน่วยงานด้านรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญทั่วโลกนำไปทบทวนได้เป็นอย่างดี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สดุดีวีรชน "มทภ.4" ส่งร่างทหารกล้าอย่างสมเกียรติ เสียชีวิตจากเหตุลอบยิง ที่บ.วังหิน จ.ยะลา กลับสู่บ้านเกิด จ.ภูเก็ต
ทั่วไทยเจอฝนฟ้าคะนอง 48 จว.อ่วม ฝนตกหนัก คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร  กทม.เจอฝน 40%
เช็กเสียงขั้วการเมือง รบ.อิ๊งค์เหนื่อย หากภท.เป็นฝ่ายค้าน
"กรวีร์" ไม่อยู่เฉยๆ โพสต์เตือนสติราชสีห์ เคยต้องพึ่งหนู สะพัดภูมิใจไทย โดนพท.บีบหนัก ต้องตอบรับเงื่อนไข สลับกระทรวงมท.หรือไม่ ภายใน 48 ชม.
"สันติสุข" เทียบเจ็บ "ฮุน เซน" เหมือนคนคลั่งยา จับสมาชิกครอบครัวเป็นตัวประกัน ปลุกระดมทะเลาะไทย พาคนในชาติเดือดร้อนทั่วหน้า
วธ.เตรียมจัดใหญ่งานมหกรรมวัฒนธรรมแห่งชาติ วิถีถิ่น วิถีไทย กลางใจกรุงเทพฯ มางานเดียวเหมือนได้เที่ยวทั่วไทย
เพื่อไทยกร้าวสุด "สส.อีสาน" เล่นใหญ่ เสนอกลางวงประชุมพรรค ลั่นถึงเวลาทวง "มหาดไทย" คืน
กลาโหมกัมพูชากล่าวหาไทยละเมิด MOU 2543
สถานทูตในอิหร่านเตือนคนไทยออกจากเตหะราน
ครม. เห็นชอบแต่งตั้ง "เกษร" เป็นผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น