นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า วันนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้นำหลักการ การลงนามในสัญญาการจัดซื้อ วัคซีนโควิด -19 ยี่ห้อ ไฟเซอร์ โดยมีคู่สัญญาคือ กรมควบคุมโรค และการจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 ยี่ห้อ โมเดอร์นา ซึ่งเป็นการจัดซื้อวัคซีนทางเลือก เข้าขอความเห็นชอบต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อช่วงเช้านี้ โดยที่ประชุมได้มีการชี้แจงถึงข้อสงสัย ข้อห่วงใยต่าง ๆ และได้รับการชี้แจงถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการจัดหาวัคซีน ซึ่งที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบให้ กรมควบคุมโรค จัดหาวัคซีนไฟเซอร์ 20 ล้านโดส และรับบริจาควัคซีนไฟเซอร์ จากสหรัฐ อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งอยู่ในสัญญาเดียวกัน
ส่วนกรณีการส่งสัญญาให้ สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ตรวจสอบนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า สัญญาที่ส่งให้ อสส. ได้พิจารณาร่างสัญญาทั้ง 2 ฉบับ ตามคำร้องขอ โดย อสส. มีความเห็น พร้อมข้อเสนอแนะในการเจรจา ซึ่งจะพยายามเจรจาให้ได้เงื่อนไขที่ดีที่สุดก่อนการลงนาม โดยขณะนี้ยังเหลือระยะเวลาในการเจรจาอยู่ ยืนยัน ไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดส่งวัคซีนไฟเซอร์ ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้
นายอนุทิน ระบุถึง กรณีกลุ่มที่ใช้ชื่อว่า “หมอไม่ทน” จะนัดรวมตัว เพื่อเข้าพบในวันพรุ่งนี้ (7 ก.ค.) ว่า ได้มอบหมายให้ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้ดูแล เนื่องจาก ตนมีภารกิจงานอื่นแล้ว ยืนยัน ไม่ได้หนี แต่ตนมีภารกิจที่รับไว้อยู่แล้ว โดยในส่วนของผู้มาร้องเรียน สามารถทำได้ เนื่องจาก ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะออกมาแสดงความคิดเห็นเรียกร้องในสิ่งที่ปรารถนา ขณะที่ ในส่วนหน่วยงานราชการ ก็ต้องรับฟังและพยายามบริหารจัดการอย่างมีเหตุมีผล เพื่อประโยชน์ของประเทศ
ส่วนกรณีที่มีผู้เรียกร้องให้มีการฉีดวัคซีน เข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันนั้น นายอนุทิน ระบุว่า เรื่องนี้จะต้องเป็นไปตามลำดับเวลา ซึ่งการจะใช้วัคซีนอย่างไร เมื่อไหร่ ได้มีการศึกษาอยู่ตลอดเวลาโดยคณะกรรมการวิชาการวัคซีน ซึ่งเมื่อผ่านความคิดเห็นจากหน่วยงานดังกล่าวแล้ว จะมีการนำเสนอมายัง กระทรวงสาธารณสุข หากทุกฝ่ายมีความเห็นตรงกันว่า เกิดประโยชน์สูงสุด ก็ต้องเร่งดำเนินการตามหลักการ
นายอนุทิน ยังกล่าวถึงกรณีที่หลาย ๆ โรงพยาบาล งดให้บริการตรวจโควิด-19 ว่า ขณะนี้ หากผู้ติดเชื้อโควิด-19 ไม่มีเตียง หรือ สถานพยาบาลรองรับ และตกค้างอยู่ที่บ้าน สามารถเดินทางมายัง สนามกีฬานิมิตบุตร ได้ โดยจะใช้ สนามกีฬานิมิตบุตร เป็นศูนย์กลางในการส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลต่าง ๆ รวมถึง ส่งต่อไปยัง โรงพยาบาลสนามบุษราคัม โดยผู้ติดเชื้อ ยังสามารถโทรไปที่สายด่วน 1669 ได้ตลอดเวลา
ทั้งนี้ ในส่วนของการส่งรับและส่งต่อผู้ป่วยที่ตกค้างนั้น กระทรวงสาธารณาสุข จะเข้าไปแบ่งเบาภาระ กทม. ให้มากที่สุด โดยจะมีการขยายเตียงโรงพยาบาลสนามบุษราคัม จาก 3,700 เตียง เป็น 4,000 เตียง เพื่อรองรับผู้ป่วยไม่ให้ตกค้างอยู่ที่บ้านอีกด้วย