นพ.อุดม คชินทร ที่ปรึกษาศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) เปิดเผยถึงการระบาดของโควิด 19 ว่า ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ทั้งโลกมีการระบาดของไวรัสกลายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) อย่างมาก ติดเชื้อสายพันธุ์นี้แล้ว 96 ประเทศ ส่วนประเทศไทย 2 เดือนที่แล้ว 85-90% ของเชื้อที่ตรวจพบคือ สายพันธุ์อัลฟา (อังกฤษ) พอ มิ.ย. – ก.ค. เราเป็นเดลตาทั้งประเทศแล้ว 30% ถือว่าไปเร็วมาก เฉพาะกทม.และปริมณฑล เป็นเดลตาถึง 50% ของเชื้อที่พบ ทั้งนี้ สายพันธุ์อัลฟาระบาดเร็วกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม 60-70% เดลตาระบาดเร็วกว่าอัลฟา 40% คาดว่า 1-2 เดือน ทั้งไทยและโลกจะเป็นเดลตาส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมด เพราะกระจายเร็วมาก
“เชื้อตัวนี้ภาพรวมไม่ได้มีความรุนแรงมากกว่าอัลฟา แต่มีลักษณะพิเศษทำให้ผู้ป่วยอยู่ในสภาวะออกซิเจนต่ำกว่าปกติเร็วขึ้น ปอดอักเสบเร็วขึ้น อย่างอัลฟาใช้เวลา 7-10 วัน ถึงกลายเป็นปอดอักเสบ ต้องใช้ออกซิเจนไฮโฟลว์ เครื่องช่วยหายใจ แต่เดลตาใช้เวลา 3-5 วัน ดังนั้น คนติดเชื้อมาก เปอร์เซ็นต์ปอดอักเสบจึงมาก ต้องการเตียงผู้ป่วยหนักไอซียูเพิ่มขึ้น ตอนนี้ตึงมากเรื่องเตียง โดยเฉพาะสีแดง ถ้าปล่อยให้เหตุการณ์ไปอย่างนี้เรื่อยๆ ระบบสาธารณสุขจะอยู่ไม่ได้” นพ.อุดมกล่าว
ส่วนตอนนี้ประเทศไทยเข้าสู่ระลอก 4 แล้วหรือไม่ นพ.เปิดเผยว่า ยังมีความเห็นแตกต่างกันเล็กน้อย แต่ส่วนตัวถือว่าเป็นระลอก (เวฟ) 4 แล้ว เพราะเป็นไวรัสตัวใหม่กลายพันธุ์ กำลังจะเป็นสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) มีพฤติกรรมไม่เหมือนเดิม ส่วนคุณสมบัติสำคัญที่บอกเป็นเวฟ 4 คือ การแพร่ระบาดในชุมชน ครอบครัว องค์กร หาที่มาที่ไปไม่ได้ เท่ากับคำจำกัดความเกิดเป็นเวฟใหม่ ตัวเลขขึ้น 5-6 พันราย ถือเป็นเวฟ 4 แล้ว ส่วนจะจบเมื่อไร เรายกระดับมาตรการแล้ว แต่ยังไม่สูงสุด