“กระติก-แซน” เปิดใจ หลังอัยการเลื่อนสั่งฟ้อง ท้าเปิดหลักฐาน ลั่นตอนนี้เขาหาทางลงไม่ได้

ด้าน นายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ ทนายความ ระบุว่า วันนี้อัยการได้เลื่อนนัดฟังคำสั่งคดีออกไป โดยขอให้อัยการเป็นผู้ให้รายละเอียด ส่วนการสอบเพิ่มเติมที่อธิบดีอัยการภาค 1 สั่งสอบนั้น เป็นเรื่องในสำนวนปกติที่สั่งให้เก็บเพิ่มเติม

ส่วนการฟ้องคดีกลับ ยืนยันว่า มีแน่นอนโดยรอให้ข้อเท็จจริงในคดีหลักนิ่งก่อน และเมื่อทุกอย่างนิ่งแล้วเท่ากับจะปฏิเสธอะไรไม่ได้แล้วทำให้อีกฝ่ายไปต่อไม่ได้ ก็จะดำเนินการฟ้องกลับตามที่เคยระบุไว้

ขณะที่ น.ส. อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือ “กระติก” กล่าวถึงการเลื่อนนัดฟังคำสั่งออกไป ทำให้มีปัญหาเรื่องเวลา แต่ตนเองก็ต้องการที่จะเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการตามขั้นตอน แต่การเลื่อนเวลาออกไปอีกทำให้ไม่รู้ว่าคนที่อยู่นอกสำนวนจะเข้ามามีบทบาทหรือจะมาพูดอะไรให้คดีมีการเพิ่มเติมอีกหรือไม่ เพราะตอนนี้ประเด็นมีเพิ่มขึ้นตลอดทำให้เกิดความวุ่นวาย และการทำงานของเจ้าหน้าที่ค่อนข้างล่าช้า เนื่องจากมีประเด็นเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าแม่งแตงโมจะถอนฟ้องในคดีฆาตกรรมนั้น ตนเองได้ยินจากข่าวแต่ยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะข้อมูลต่างๆ เปลี่ยนได้ตลอดเวลา ก็ต้องดูว่าท้ายที่สุดจะถอนฟ้องหรือไม่

ส่วนจะมีการฟ้องกลับกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าคดีเป็นการฆาตกรรมนั้น ก็มีการพูดคุยปรึกษากับทนายมาโดยตลอด มีการเก็บข้อมูลถอดเทป เหลือเพียงดูวันที่เหมาะสม และต้องดูด้วยว่าจะมีการถอนฟ้องหรือไม่ หากมีการฟ้องก็ถือเป็นการฟ้องเท็จ ตนก็จะใช้สิทธิ์ในการปกป้องตนเอง

กระติก ยังกล่าวด้วยว่าเราโดนกล่าวหาว่าเป็นฆาตกรค่อนข้างรุนแรง ขณะที่เราไม่ได้ทำ และยังชี้นำไปเรื่อยเรื่อยไม่จบไม่สิ้น และตอนนี้ก็เปลี่ยนประเด็นไปในเรื่องแม่ภนิดาไม่ใช่แม่จริง จริงๆควรพูดกันในเรื่องบาดแผลมากกว่า

ส่วนเรื่องคลิปของคราบเลือด อ้างว่ามีสื่อบางสำนักได้เห็นคลิปดังกล่าวแล้ว หากมีจริง นักข่าวจะไม่ปล่อยประเด็นนี้ไว้เพราะนักข่าวก็พร้อมที่จะพูดความจริงทั้งหมด

ส่วนการเรียกสอบปากคำเพิ่มเติม กระติกบอกว่า เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี ได้เรียกตนเองไปให้ปากคำเพิ่มเติม ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับโทรศัพท์มือถือ และขอนำโทรศัพท์ไปให้กระทรวงยุติธรรมตรวจสอบ ซึ่งตนเองได้ปฏิเสธไป เพราะมองว่าเคยให้ตำรวจตรวจสอบโทรศัพท์ไปแล้วหลายครั้ง และในแต่ละครั้งก็ใช้เวลาตรวจสอบหลายชั่วโมง ซึ่งเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาที่จะให้หรือไม่ให้ก็ได้ ซึ่งตนมองว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตรวจสอบใหม่ เพราะตรวจสอบจบไปหมดแล้ว และหลังจากนี้คงไม่ให้มีการตรวจสอบโทรศัพท์อีก เนื่องจากข้อมูลโทรศัพท์ปัจจุบันมีรายละเอียดการหารือกับทีมทนายความถึงแนวทางการต่อสู้คดี ทั้งคดีหมิ่นประมาท และคดีอื่นๆ ซึ่งถือเป็นข้อมูลทางลับของตนเอง จึงต้องสงวนสิทธิ์