No data was found

“นักวิชาการ” เผย 3 ประเด็นที่ต้องเข้าใจ “ค่าการกลั่น” น้ำมัน

กดติดตาม TOP NEWS

“นักวิชาการ” เผย 3 ประเด็นที่ต้องเข้าใจ “ค่าการกลั่น” ชี้ เรื่องน้ำมันไม่ใช่แค่พูดเอาหล่อต้องอยู่บนพื้นฐานข้อมูล หลักวิชาการ มองรัฐบีบลดค่าการกลั่นมีทั้งดีเสียช่วยประชาชนแต่นานไปนักลงทุนหนี

ดร.กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้าน ปรัชญาการเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า 3 ประเด็นสำคัญที่ต้องเข้าใจให้ถูกเกี่ยวกับค่าการกลั่น

ข่าวที่น่าสนใจ

นิยามค่าการกลั่น
1. ค่าการกลั่น (Gross Refining Margins) ไม่ใช่ “ค่าแรง/ต้นทุนของโรงกลั่น” และก็ “ไม่ใช่กำไรของโรงกลั่น” ด้วย
2. ค่าการกลั่น = ส่วนต่าง ราคาน้ำมันดิบที่ซื้อเข้ามากลั่น กับ ราคาเฉลี่ยน้ำมันสำเร็จรูปที่ขาย
3. คำว่าราคาเฉลี่ย เพราะน้ำมันดิบซื้อมากลั่น เวลากลั่นจะได้น้ำมันหลายตัว ทั้งน้ำมันคุณภาพสูง (premium) เบนซิน ดีเซล น้ำมันเตา ก๊าซหุงต้ม ซึ่งสองตัวหลังราคาต่ำกว่าน้ำมันดิบ ดังนั้นจึงต้องเอาทั้งหมดมาเฉลี่ยตามปริมาณ จึงจะได้เป็นราคาน้ำมันสำเร็จรูปเฉลี่ย แล้วค่อยนำไปลบกับราคาน้ำมันดิบ
*** ดังนั้นใครที่บอกว่าค่าการกลั่นปัจจุบันเท่ากับ 8 บาท โดยเอาราคาน้ำมันดิบไปลบกับน้ำมันเกรดสูง คือการคำนวนที่ไม่ถูกต้อง
4. จากข้อ 1.1-1.3 กำไรของโรงกลั่นจริงๆ จึงต้องมาจาก ค่าการกลั่น (รายได้) – ต้นทุนต่างๆ ไม่ว่าจะค่าผลิต ค่าไฟ ค่าบริหารจัดการ จึงจะได้เป็นกำไรของแต่ละโรงกลั่น และแต่ละโรงกลั่นมีต้นทุนไม่เท่ากันด้วย และไม่มีใครเปิดเผย เพราะเป็นเรื่องความลับของเอกชนที่ต้องแข่งขันกัน

ราคาน้ำมันขึ้น-ลง ตลอด ต้องใช้การเฉลี่ยช่วงขาดทุนและกำไร ไม่ใช่คิดแบบขายข้าว

1. น้ำมันไม่ใช่อาหารหรือสินค้าที่ราคาคงที่ แต่มีการปรับขึ้น-ลงตลอดเวลา ดังนั้นบางช่วงโรงกลั่นจะขาดทุนหนักแต่ต้องผลิต เพราะมีสัญญาต้องป้อนพลังงานให้ประเทศ หยุดขายแบบร้านขายอาหารหรือกิจการอื่นไม่ได้
2. ค่าการกลั่นปกติก่อนโควิดตกอยู่ที่ 2 บาทกว่า/ลิตร ช่วงโควิดความต้องการใช้น้ำมันน้อยผิดปกติ เพราะคนทำงานจากบ้าน ค่าการกลั่นเหลือแค่ 0.8 บาท/ลิตร โรงกลั่นเข้าเนื้อ ขาดทุนหนัก อย่างปี 2563 ขาดทุนไปปีเดียว 30,000 ล้าน ซึ่งรัฐก็ไม่ได้มีมาตรช่วยเหลือ ดังนั้นช่วงโรงกลั่นมีกำไร เขาจึงต้องเอากำไรนั่นไปเฉลี่ยกับช่วงที่ราคาน้ำมันตกต่ำ เพื่อชดเชยกัน

คุมค่าการกลั่น (บีบคอโรงกลั่น) ได้หรือไม่?

คำตอบคือได้ครับ แต่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือรัฐก็ใช้อำนาจบีบบังคับห้ามโรงกลั่นทำกำไร ต้องยอมเจ็บตัว เพื่อลดภาระประชาชนได้ในบางช่วงที่เหมาะสม หากจำเป็น แต่หากทำแบบนี้นานๆ นักลงทุนจะหนีหมด เพราะไทยจะกลายเป็นรัฐสังคมนิยมที่ขัดกับนักการแข่งขันในตลาดเสรี นักลงทุนก็ไม่มีใครอยากมาลงทุนหากเจอแบบนี้บ่อยๆ หรือหากราคาน้ำมันที่กลั่นในไทยต่ำกว่าต่างประเทศ โรงกลั่นที่ไม่ใช่ของรัฐก็อาจส่งออกไปขายประเทศเพื่อนบ้านใกล้ๆ แทน เพื่อให้ได้ราคาที่ดีกว่า สุดท้ายน้ำมันไหลออก ไทยไม่มีน้ำมันพอใช้ ก็ต้องวิ่งหากันอีก แล้วพอขาดแคลนในตลาด ราคาก็พุ่งอีก

ดังนั้นเรื่องน้ำมันไม่ใช่เรื่องเอาสะใจหรือพูดเท่ๆ เอาหล่อครับ ทุกอย่างต้องอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลและหลักวิชาการในการบริหารตลาดเสรีเสมอครับ เพราะเราไม่ใช่เกาหลีเหนือที่ปิดประเทศและจะทำอะไรแบบไม่สนใจใครก็ได้ครับ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ดื่มกาแฟจากตู้กด เจอแมลงไม่รู้ตัว แพ้เกือบตาย
ตัวประกันในเงื้อมมือฮามาส เจรจากันถึงไหนแล้ว
“พาณิชย์” ลุยต่อ จัดธงฟ้าราคาประหยัด ลดภาระค่าครองชีพพี่น้องประชาชน จ.นครพนม
แล้งจัด ชุมชนโบราณ 300 ปีโผล่กลางเขื่อนฟิลิปปินส์
หลุดโผ!ปรับครม.เศรษฐา 2 ปลอบใจ "เจ๊แจ๋น" หาเก้าอี้ใหม่รองก้น "กุนซือนายกฯ"
"คณะก้าวหน้า" ไม่แยแสกฎเหล็ก "กกต." เดินหน้ารณรงค์หาแนวร่วมลงสมัครส.ว.ทำเป็นฟุ้งคงกลัว "ส.ว.ส้ม" พาเหรดเข้าสภาสูง
"ปคบ." ยันฟ้องศาลทุกคดี "นอท" เฉพาะค่าปรับเกือบ 2 ล้านไม่เข็ด ซิกแซกเปลี่ยนชื่อ "ลอตเตอรี่พลัส"ขายออนไลน์เร่งสอบเอาผิดเพิ่ม
สอบสวนกลาง รวบแก๊ง “ซ้อส้ม” ทวงหนี้เงินกู้โหดรุมซ้อมผู้เสียหายปางตาย
“สุริยะ” กดปุ่มเดินเครื่องหัวเจาะ “รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้” เริ่มทะลวงอุโมงค์ทางวิ่งรถไฟฟ้า ยันรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายมีแน่
ไม่รอด "ศาลฯนครโฮจิมินห์" สั่งคุก "เจ้าสัว" ธุรกิจเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่ในเวียดนาม-ร่วมมือกับลูกฉ้อโกงพันล้าน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น