บชน. ออกมาตรการคุมเข้ม หวังสร้างวินัยจราจร ลดอุบัติเหตุบนท้องถนน บังคับใช้ กม. ผู้กระทำผิดตามกฎหมาย ไม่ชำระค่าปรับภายในระยะเวลาที่กำหนดส่งหมายจับถึงบ้าน

วันนี้ (20 มิ.ย.) ที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บชน.) พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น.ดูแลงานจราจร พร้อมด้วย พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รองผบช.น. ร่วมประชุมกับรอง ผบก.จร , และ รอง ผบก.น.1-9 และวีดีโอคอนเฟอร์เร็นซ์ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจรับผิดชอบงานจราจร กรณีการบังคับใช้กฎหมายกรณีประชาชนไม่มาชำระค่าปรับตามพรบ.จราจรทางบก

โดยพล.ต.ต.จิรสันต์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีปัญหาอุบัติเหตุจราจรค่อนข้างมาก สาเหตุเกิดจากการไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร แต่เมื่อมีการบังคับใช้กฎหมาย ก็มีผู้ใช้รถที่ทำผิดกฎจราจร ไม่มีการมาชำระค่าปรับและกระทำผิดซ้ำ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. จึงกำชับให้บช.น. หาแนวทางในการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำความผิดกฎหมายจราจร และไม่มาชำระค่าปรับภายในระยะเวลาที่กำหนด สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินรวมถึงภาพลักษณ์ของประเทศอย่างต่อเนื่อง บช.น.จึงได้กำหนดมาตรการในการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว เพื่อส่งเสริมให้ผู้ขับขี่มีวินัยจราจร ช่วยลดปัญหาอุบัติเหตุและปัญหาจราจรในกรุงเทพฯ ในระดับหนึ่ง

ข่าวที่น่าสนใจ

โดยขั้นตอนคือ เจ้าพนักงานจราจรจะออกใบสั่งให้ผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ทั้งแบบความผิดซึ่งหน้าและที่ตรวจจับด้วยกล้อง ตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด หากผู้กระทำผิดไม่มาชำระค่าปรับ จนพ้นระยะเวลา ที่กำหนดไว้ เจ้าพนักงานจราจรจะออกหนังสือแจ้งเตือน 1 ครั้ง ส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับภายใน 15 วัน นับแต่วันครบกำหนดชำระค่าปรับในใบสั่ง โดยให้ถือว่าเจ้าของหรือผู้ครอบครอง ได้รับแจ้งเมื่อพ้นกำหนด 15 วัน นับแต่วันส่ง และต้องชำระค่าปรับภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้ง โดยเลือกชำระค่าปรับ ได้ทุกสน.และสภ.ทั่วประเทศ, ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ของธนาคารกรุงไทย, เคาทน์เตอร์เซอร์วิสที่ มีสัญลักษณ์ PTM และทางไปรษณีย์

รองผบช.น. กล่าวต่อไปว่า กรณีพ้นระยะเวลาที่กำหนดในใบเตือน และผู้กระทำผิดยังไม่มาชำระค่าปรับ นอกจากการส่งข้อมูลไปยังกรมการขนส่งทางบกเพื่อดำเนินการตามมาตรการงดออกเครื่องหมายการเสียภาษีประจำปีแล้ว พนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกผู้ต้องหาเพื่อให้มาชำระค่าปรับ หากไม่มาพบตามหมายเรียกทั้ง 2 ครั้ง ก็จะขออนุมัติศาลในเขตพื้นที่เพื่อออกหมายจับ โดยผู้ต้องหาจะถูกแจ้งข้อหา ตามข้อหาที่ผู้ต้องหากระทำผิดตามใบสั่ง และความผิดตามม.155 “ผู้ใดไม่ปฏิบัติตาม ม.141 ชำระค่าปรับในเวลาที่กำหนดในใบสั่ง โดยไม่มีเหตุอันสมควร ต้องระวางโทษ ปรับไม่เกิน 1,000 บาท ซึ่งผู้ต้องหาต้องเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจที่ออกหมายเรียก หรือหมายจับ ด้วยตนเอง ไม่สามารถชำระผ่านช่องทางต่างๆ ตามที่กล่าวมาได้

พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวต่อว่า ส่วนผลของการถูกออกหมายจับนั้น ประวัติจะถูกบันทึกในระบบฐานข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) โดยตำรวจสามารถจับกุมตัวบุคคลที่มีหมายจับได้ทั่วราชอาณาจักร โดยใช้เทคโนโลยีในการเชื่อมฐานข้อมูล หากบุคคลที่มีหมายจับเดินทางออกนอกประเทศ จะถูกตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจับกุม และเกิดความยากลำบากในเรื่องการเดินทาง ถูกบันทึกในทะเบียนประวัติซึ่งอาจส่งผลต่อการหน้าที่การงาน เกิดความยากลำบากและเกิดความไม่น่าเชื่อถือในการทำนิติกรรม กรณีผู้ต้องหามาพบพนักงานสอบสวนด้วยตนเองหรือถูกจับกุม และยินยอมเปรียบเทียบปรับให้คดีอาญาเลิกกัน

หากประชาชนมีข้อสงสัยว่ามีใบสั่งค้างชำระหรือไม่ ก็สามารถตรวจสอบได้ผ่านช่องทางใบสั่งจราจรออนไลน์ https://ptm.police.go.th/eTicket/#/ จึงขอแจ้งประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรับทราบ และขอความร่วมมือทุกท่านในการปฏิบัติตามกฎหมายจราจร เพื่อช่วยลดปัญหาการเกิดอุบัติเหตุ และปัญหาการจราจร หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร (บก.02) หมายเลขโทรศัพท์ 1197 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือทาง Facebook และ Twitter 1197

หมายจับ, ค่าปรับ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บชน.ออกมาตรการคุมเข้ม “ไม่จ่ายค่าปรับ” รับหมายจับแทน