“สวัสดีค่า พี่น้องชาวศรีสะเกษทุกคนเด้ออออ สบายดีบ้ออออ คุณพ่อกับคุณอาฝากมาบอกว่า….กึดฮอดหลายแท้ กึดฮอดมากๆ เว้าบ่ค่อยเป็นพยายามเต็มที่เด้อ ” เป็นคำทักทายของ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ประธานที่ปรึกษาการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม ลูกสาวคนสุดท้องของทักษิณ ชินวัตร นายใหญ่คนแดนไกลนักโทษหนีคดี กล่าวเปิดตัวระหว่างทัวร์คาราวานครอบครัวเพื่อไทยไปศรีสะเกษ “ไล่หนู ตีงูเห่า” ณ เวทีแรกที่ อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ งานนี้นอกจากจะเป็นการแก้เผ็ดที่พรรคเพื่อไทยหมายถอนแค้น “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล และ บรรดาส.ส.งูเห่าของพรรคที่ย้ายขั้วสลับข้างไปอยู่กับรัฐบาล เปลี่ยนฝั่งไปซบพรรคภูมิใจไทยจนทำให้เกิดสวิงโหวตในการอภิปราบร่างพ.ร.บ.งบประมาณ ๒๕๖๖ เมื่อไม่นานที่ผ่านมาแล้ว ชนิดที่พรรคเพื่อไทยหน้าแหกหมอไม่รับเย็บเพราะคุยโม้โอ้อวดไว้มาก
หลังเสร็จศึกงบประมาณจึงลัดคิวมาศรีสะเกษพร้อมเปิดตัว ๙ ว่าที่ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยให้ชาวบ้านให้ยลโฉมเห็นหน้า งานนี้นอกจากอุ๊งอิ๊งแล้ว แกนนำพรรคเพื่อไทยมากันครบ ทั้งชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย สุทิน คลังแสง จาตุรนต์ ฉายแสง ภูมิธรรม เวชยชัย เกรียง กัลป์ตินันท์ พวงเพชร ชุนละเอียด ฯลฯ และรวมถึง “โอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร ที่ร่วมทัวร์มาให้กำลังใจน้องสาวคนเล็กด้วย หลักใหญ่ใจความของการพูดจาปราศรัยนอกจากพูดชื่นชมพรรคตัวเอง ก็เน้นโจมตีพรรคภูมิใจไทย วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของพล.อ.ประยุทธ์และรัฐบาล รวมถึงยกหางผลงานในอดีตของฝ่ายตัวเองที่งานนี้อุ๊งอิ๊งซึ่งเพิ่งหายจากโควิด-๑๙ อดไม่ได้ที่จะเอาผลงานพ่อแม้วรวมโบว์แดงของอาปู หลอกขายฝันพูดเอามันส์กับชาวบ้าน ทั้งๆที่หลายเรื่องส่วนใหญ่ก็พูดความจริงแค่ครึ่งเดียว หยิบแค่เสี้ยวที่เป็นประโยชน์กับตัวเองมาเพ้อฝัน ของจริงเรื่องจริงคนไทยส่วนใหญ่รู้ดี “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ทำอะไรไว้กับประเทศไทย ตระกูลชินวัตรสร้างความเสียหายมากมายมหาศาลขนาดไหนกับประเทศ เรื่องจริงที่สื่อหลักไม่เคยหยิบยกเอามาพูด
อุ๊งอิ๊งย้อนอดีตให้ชาวบ้านว่า ๑๘ ปีก่อนทักษิณเคยมาเยือนอำเภออุทุมพรพิสัยสมัยพรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาล ตอนนั้นประกาศแก้จนลั่นวาจาจะทำให้คนอีสานลืมตาอ้าปากได้ อนาคตของคนอีสานตอนนั้นก็เหมือนมีความชัดเจน พ่ออยู่การเมืองเพราะมีความฝันว่า ภายในระยะเวลา ๓ ปี คำว่าคนจนจะต้องหมดไปจากแผ่นดินไทย “ ตอนฟังตอนนั้นขนาดเราเป็นลูก ยังคิดว่า ๓ ปีมันยากนะ มันจะสำเร็จไหมนะ แต่ตัวคุณพ่อบอกว่าง่ายมากหมูนิดเดียว เดี๋ยวจะไม่มีคนจนต่อไป แต่แล้วก็เกิดรัฐประหารปี ๒๕๔๙ ย้อนอดีตกลับไป ๖ ปีที่แล้วหลังอาปูถูกยึดอำนาจก็ได้มาที่ศรีสะเกษมารับฟังปัญหาของชาวนา สุดท้ายก็ได้ตัดสินใจซื้อข้าวในราคาที่สูงกว่าตลาด เพื่อจะช่วยชาวนาที่เดือดร้อนในขณะนั้น ขอยืนยันพรรคเพื่อไทยวันนี้ยังเหมือนวันแรกที่พ่อตั้ง เหมือนวันที่อาปูชนะการเลือกตั้ง เรามีเป้าหมายเดียวคือทำให้ชีวิตพี่น้องประชาชนดีขึ้น เราถูกยุบพรรค ถูกจำกัดสิทธิ์ ถูกสารพัด ตั้งพรรคมา ๒๐ กว่าปี ตั้งแต่ยุคไทยรักไทย พลังประชาชน มาถึงเพื่อไทย เป็นรัฐบาลแค่ ๘ ปีกว่า จำได้หรือไม่ ๘ ปีที่เป็นรัฐบาล ชีวิตเป็นอย่างไร สินค้าเกษตรดีขึ้นแค่ไหน เราถูกปฏิวัติมา ๒ ครั้งเมื่อปี ๔๙ และ ๕๗ ประเทศไทยถูกแช่แข็ง หยุดอยู่แบบนั้นไม่มีอะไรพัฒนาไม่มีอะไรดีขึ้น ขอให้ทุกคนกลับมาอยู่ด้วยกัน อยู่เคียงบ่าเคียงไหล่ในวันที่ทุกข์แบบนี้และความสุขจะรอเราอยู่ข้างหน้า” แพทองธารร่ายยาว
ความจริงสิ่งที่อุ๊งอิ๊งพูดกับชาวบ้านเข้าใจได้ว่าเป็นการหาเสียงต้องเน้นพูดเอามันส์ไว้ก่อน ทุกรอบทุกเวทีก็เลยต้องให้จำอวดหน้าม่านลิเกโหมโรงอย่างณัฐวุฒิปูทางมาก่อน อุ๊งอิ๊งพูดมันไม่ผิดหรอกแต่เป็นความจริงแค่ครึ่งเดียว เพราะพูดไม่หมดพูดไม่ครบเอาแต่ส่วนดีมาเป่าหูชาวบ้าน ส่วนที่เลวส่วนที่ร้ายส่วนที่ทำไม่ได้ไม่เคยเอาออกมาพูดเอาออกมายอมรับความจริง ทัวร์คาราวานรอบนี้เลยจับโกหกอุ๊งอิ๊งได้หลายเรื่อง กรณีทำให้คนจนหมดไปก็ชัดเจน ว่าตลอดระยะเวลาที่พรรคทักษิณฝ่ายตระกูลชินเป็นแกนนำรัฐบาล หยิบชูเรื่องนี้มาตลอดหาเสียงทุกครั้งก็เอามาเป็นนโยบายสำคัญจูงใจชาวบ้าน แต่เรื่องจริงก็อย่างที่รู้กันอยู่ว่าทักษิณไม่เคยทำได้ คำพูดที่ว่า “จนกระจุกรวยกระจาย”ก็เกิดในยุคทักษิณนั้นแหละ พวกที่รวยเอาๆตอนทักษิณเป็นรัฐบาล ขอประทานโทษว่าไม่ใช่ชาวบ้านแต่เป็นบรรดาบริวารว่านเครือ ขุมข่ายคนในตระกูลทักษิณสมุนพรรคไทยรักไทยทั้งนั้น ลองไปไล่เรียงดูได้ยุคทักษิณชาวบ้านอาจจะรวยจริง แต่เป็นการรวยแพพเดียวรวยแบบลิงหลอกเจ้า ตั้งกองทุนหมู่บ้านพวกก็กู้ไปซื้อรถยนตร์ เอาไปใช้ไม่เป็นประโยชน์ พักหนี้เกษตรกรก็สร้างนิสัยผิดๆ สร้างวัฒนธรรมแย่ๆให้ชาวบ้าน หลายเรื่องที่ทักษิณคิดไทยรักไทยทำล้วนมีสุขแค่เบื้องหน้าแต่ปลายทางเบื้องหลังติดหนี้หัวโต ทำมาหากินเป็นชาติก็ใช้หนี้จ่ายดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นในยุคสมัยทักษิณไม่เคยหมด คิดแบบนายทุนทำแบบนายทุนเอาเงินในอนาคตมาใช้ก่อน สุดท้ายก็ดินพอกหางหมูกลายเป็นหนี้หัวโต ทำมาหากินตั้งแต่ลูกเล็กยัยลูกบวชแต่งงานมีครอบครัวก็ยังใช้ไม่หมด เรื่องจริงนโยบายยุคทักษิณก็ออกมาพรรค์อย่างนี้ทั้งนั้น เป็นสิบเป็นร้อยๆโครงการไม่เชื่อไปรื้อมาดู ที่คนอีสานคนไทยจนอยู่ทั้งวันนี้ก็เพราะนโยบายบ้าๆของทักษิณนี้แหละเรื่องจริงที่ลูกสาวคนเล็กไม่เคยพูด
มาถึงกรณีช่วยชาวนาพูดกันมาชาติกว่าเถียงกันมาหลายสิบปี บรรดาลูกหลานตระกูลชิน รวมถึงบริวารนายใหญ่ ลูกสมุนนายกฯน้องสาว ก็ตะแบงเถียงกันจนคอเป็นเอ็น ทุกโครงการชาวนาได้ประโยชน์ ก็ใช่สิชาวนาได้ประโยชน์แต่คนไทยเจ็ดชั่วโคตรต้องแบกรับหนี้ก้อนนี้ไปเต็มๆ โครงการจำนำข้าวยุคยิ่งลักษณ์ก็เหมือนแจกตังค์หาเสียงให้ชาวบ้านดีๆนี้เอง ชาวนาได้เงินชาวบ้านได้ประโยชน์ เอาข้าวมาจำนำความจริงก็คือขายขาดให้รัฐบาล แถมให้ราคาสูงกว่าท้องตลาด ชนิดทำกลไกตลาดพังเสียหายวอดวายหมด มีอย่างที่ไหนตั้งราคารับจำนำตามใจแถมสูงกว่าราคาขาย มึงจะบ้าหรือไง ข้าวเหนียว ๙,๐๐๐ บาท ข้าวขาว ๑๒,๐๐๐ บาท ข้าวหอมมะลิ ๑๕,๐๐๐ บาท ตั้งชื่อโครงการสวยหรูว่าจำนำความจริงคือซื้อขาดจ่ายเงินแจกชาวบ้านหาเสียงแบบโต้งๆเหมือนชื่อคนคิดทำโครงการ ไม่มีกลไกตรวจสอบไม่มีการถ่วงดุล หน่วยงานล้านแปดติติงห้ามปรามก็ไม่ฟัง ขนาดคนกันเองอย่าง “ดร.โกร่ง” วีรพงษ์ รามางกูร อดีตนายกฯ กูรูเศรษฐกิจชั้นปรมาจารย์ของเมืองไทย ออกปากเตือนสตินายกฯปู “ระวังโครงการจำนำข้าวจะทำให้รัฐบาลล้ม ประเทศจะเสียหายหนัก” แต่นายกฯคนสวยน้องสาวนายห้างก็ไม่เคยนำพา เพราะจะหาเสียงจะทำมาหาแดกกันจะเอาแบบนี้ใครจะทำไม จ่ายเงินให้ชาวบ้านแบบไม่มีขื่อแปตั้งโครงการหาเสียงตามใจชอบ ชนิด “โคตรประชานิยม” ที่สุดก็สร้างความฉิบหายใหญ่หลวงให้กับชาติ แต่ที่อุบาทว์ยิ่งกว่าคือยังมีการเอาข้าวในคลังไปขายแบบฉ้อฉล จาก G to G เป็น จีทูเจี๋ยะอีก สารพัดความโกงที่พี่น้องคนในตระกูลไปจนถึงพวกสมุนเครือข่ายบริวารทำมาหาแดกกันจากทุกเม็ด สุดท้ายปลายทางไม่มีเงินมาหมุนเวียนไม่มีเบี้ยจ่ายชาวบ้าน ชาวนาต้องผูกคอตาย ชาวบ้านต้องทนทุกข์ทรมาน สร้างหนี้พร้อมดอกเบี้ยให้รัฐ ๘-๙ แสนล้านบาท จนถึงตอนนี้ยังใช้ไม่หมด พล.อ.ประยุทธ์ที่พวกคุณด่าๆกันอยู่ ๘ ปีไม่ทำเห้.. อะไร บอกได้เลยว่าลุงตู่รัฐบาลเรือแป๊ะทำอย่างหนึ่งแน่นอน คือใช้หนี้พร้อมดอกเบี้ยแทนพวกคุณมึงที่ก่อหนี้สร้างความฉิบหายทิ้งขี้ไว้ให้ไง จากนี้ไม่รู้กี่ชาติกว่าจะจ่ายกันจบ
ปิดท้ายคาราวานไล่หนู ตีงูเห่าที่ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ อุ๊งอิ๊ง พูดบนเวทีเมามันส์ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ในทำนองว่า “ ๑๘ ปีที่ผ่านมา คุณพ่อเคยมาลงพื้นที่ศรีสะเกษ รัฐบาลกำลังบริหารประเทศได้ดี คนไทยมีกินมีใช้ลืมตาอ้าปากได้ วางแผนให้ลูกเรียนสูงๆหมด ๖ ปีที่แล้วอายิ่งลักษณ์ถูกปฏิวัติไปแล้วแต่ก็ยังมาช่วยชาวนาซื้อข้าวในราคาที่สูงกว่าตลาด เพื่อช่วยชาวนาที่กำลังเดือดร้อนในขณะนั้น ศรีสะเกษเป็นจังหวัดที่สำคัญมากๆกับพวเราเสมอ เราจึงขออาสาดูแลพี่น้องชาวศรีสะเกษในทุกมิติ เพราะเรามั่นใจเราคิดเป็น ทำเป็น และทำสำเร็จมาแล้ว เราเดินทางจากไทยรักไทย พลังประชาชน มาถึงเพื่อไทย ๒๐ กว่าปีแล้ว พ่อพูดมาตลอดว่าเป็นเด็กบ้านนอก รู้ดีโอกาสมาไม่ถึงคนบ้านนอก ศักยภาพของพวกเรากระจายตามต่างจังหวัดมากมาย ทำไมหนอคนต่างจังหวัดยังต้องเป็นคนจน ทำไมหนอรัฐบาลดีๆที่มาจากประชาชนต้องโดนปฏิวัติหนอ ทำไมหนอไม่ให้เวลารัฐบาลของพรรคเพื่อไทยอีกสักหน่อย พี่น้องก็คงลืมตาอ้าปากได้มีรถไฟความเร็วสูงจนป่านนี้คงส่งทุเรียนภูเขาไฟไปขายสบายๆแล้ว ” แพทองธารพูดกับชาวบ้านบนเวที
ฟังแพทองธารยิ่งพูดยิ่งมันส์ คือพูดไปเรื่อยพูดยืดยาวอยากพูดอะไรก็พูด เท็จจริงไม่ต้องสนใจ จะพูดให้สวยงามเหมือนวาดวิมานในอากาศยังไงก็พูดได้ตอนอยู่บนเวทีเสื้อแดงโม้กับชาวบ้าน แต่ข้อเท็จจริงหรือความจริงมันมีเพียงเรื่องเดียว อุ๊งอิ๊งโตจนอายุครบ ๓๕ ปี มีผัวมีลูกมีครอบครัวมีหน้าตามีชื่อเสียงในสังคม กำลังจะกลายเป็นแคนดิเดตนายกฯของประเทศในนามพรรคเพื่อไทยอยู่มะรอมมะร่อ จนป่านนี้ยังไม่รู้อีกหรือว่าทำไม “บิ๊กบัง” พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตผบ.ทบ. ถึงตัดสินใจนำผบ.เหล่าทัพในนามคมช.ยึดอำนาจจากพ่อเมื่อ ๑๙ ก.ย.๒๕๔๙ ยังไม่เข้าใจอีกหรือว่าเพราะเหตุใดบิ๊กตู่บูรพาพยัคฆ์ถึงต้องควบคุมอำนาจในการบริหารประเทศจากอาปูสุดเลิฟ เมื่อช่วงเย็นของวันที่ ๒๒ พ.ค. ๒๕๕๗ ยุคทักษิณเกิดการโกงบ้านโกงเมืองกว้างขวาง แทรกแซงองค์กรอิสระทุกย่อมหญ้า เป็นกระดุมเม็ดแรกของการก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักของคนไทย ประโยคผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ กระซิบข้างหู ทำบุญในวัดพระแก้ว ฯลฯ คนเป็นคนคิดใครเป็นคนพูด ทำให้คนไทยแตกแยกเป็นเสี่ยงๆ แบ่งสีแบ่งฝ่ายเกิดในยุคไหน มาถึงสมัยอาสาวยิ่งลักษณ์ นายกฯหญิงประวัติศาสตร์คนแรกของไทย อวยกันยกใหญ่ เอาเข้าใจจำได้ไหมทำให้คนไทยฉิบหายวายป่วงไปแล้วขนาดไหน เอาแค่วิกฤติมหาอุทกภัยกับจำนำข้าว ก็อ้วกแตกแล้วครับ เอาอยู่หลอนจนชินหู ไม่นับรวมวีรกรรมวีรเวรอีกมากมายที่เกิดขึ้นในช่วง ๒ ปีเศษๆ รถยนต์คันแรก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย ทุบม็อบตีม็อบจัดการคนเห็นต่าง ทำร้ายคนฝ่ายตรงข้าม ฯลฯ เรื่องพวกนี้ไม่ผ่านหูผ่านตาอุ๊งอิ๊งมาเลยรึ หรือเลือกที่จะจำแค่ความดีของตระกูลแค่เรื่องที่คนยกย่องชื่นชมเท่านั้น
ปิดท้ายเรื่องรถไฟความเร็วสูง อย่าไปพูดอย่าไปเคลมว่าถ้าพ่ออยู่แล้วมันจะเสร็จถ้าอาได้ไปต่อป่านนี้มีรถไฟส่งทุเรียนภูเขาไฟไปขายกันบานแล้ว พูดแบบนั้นมันเพ้อเจ้อแหกตาชาวบ้าน ชูตัวเองจะเป็นนายกฯของคนรุ่นใหม่แต่ขึ้นเวทียังขายมุกเก่าเอาวิธีหาเสียงแบบเดิมๆมาใช้ มันหมดสมัยแล้ว ย้อนอดีตยุคนายกฯปูจ๋า มีการวางแผนลงทุนภายใต้พ.ร.บ.เงินกู้ ๒ ล้านล้านบาทของกระทรวงคมนาคม (๒๕๕๖-๒๕๕๙) ยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ ๒ ปี ๒๗๕ วัน เริ่ม ๕ ส.ค.๒๕๕๔ พ้นจากตำแหน่ง ๗ พ.ค. ๒๕๕๗ หลังถูกศาลรัฐธรรมนูญถอดถอนออกจากตำแหน่งกรณีย้ายถวิล เปลี่ยนศรี จากเลขาฯสมช.โดยไม่เป็นธรรม อย่างไรก็ตามในยุคยิ่งลักษณ์ความคืบหน้าในเรื่องระบบราง ไม่ว่าจะเป็น รถไฟทางคู่ รถไฟฟ้า หรือ รถไฟความเร็วสูงอย่างมีนัยยะมีไม่มากนัก รัฐมนตรีรับผิดชอบยุคนั้น คือ จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ กับ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รถไฟฟ้าในกรุงเทพและปริมณฑลตอนนั้นยังแค่เริ่มต้นตั้งไข่ ปี ๒๕๕๖ สีเขียวเข้ม (คูคต), สีชมพู, สีแดง (รังสิต), สีแดง (ตลิ่งชัน), รถไฟทางคู่ก็มีเส้น จิระ-ขอนแก่น กับ ประจวบ-ชุมพร ขณะที่ไฮสปีดเทรน วางแผนไว้ ๔ เส้นทาง คือ ๓ เส้นทางแรกในปี ๒๕๕๖ คือ กทม.-เชียงใหม่, กทม.-หนองคาย ,กทม.-ปาดังเบซาร์ ป่าวประกาศยกใหญ่พอเอาเข้าจริงยิ่งลักษณ์ก็บอกจนปัญญาเต็มที่ทำได้แค่เฟสแรก กทม.ไปเหนือถึงแค่พิษณุโลก กทม.ไปอีสานทำได้แค่โคราช กทม.ลงใต้ทำได้แค่หัวหิน หนำซ้ำมาประกาศทำเพิ่มอีกสายในปี ๒๕๕๗ คือ สุวรรณภูมิ-ระยอง ภายใต้กรอบงบประมาณ พ.ร.บ.เงินกู้ ๒ ล้านล้านบาท มีการเดินหน้า “โครงการ Roadshow สร้างอนาคตไทย Thailand ๒๐๒๐” เต็มสูบ จัดงานอีเว้นต์ป่าวประกาศทุกหัวเมือง ตีปี๊บเรียกแมงเม่าตั้งแต่ไก่โห่ แต่สุดท้ายเมื่อถูกศาลรัฐธรรมนูญตีตกพ.ร.บ.เงินกู้ ๒ ล้านล้านบาท ไม่ใช่โครงการเร่งด่วน แผนทุกอย่างก็ล้มพับพังพาบไป ทั้งๆที่มีการใช้งบประมาณหลายร้อยล้านทำประชาสัมพันธ์โปรโมตไปแล้ว ที่สุดเรื่องนี้ก็กลายเป็นประเด็นร้อนที่ป.ป.ช.เพิ่งชี้มูลยิ่งลักษณ์พร้อมกับพวกไปเมื่อเร็วๆนี้
สุดท้ายปลายทางถ้าใครอยากรู้ว่าระบบรางที่มันเสร็จเร็วๆ ได้เดินทางกันสบายมันเกิดในยุค ๘ ปีที่บิ๊กตู่อยู่ทั้งนั้น ลุงใช้ดาบอาญาสิทธิ์ ฟาด ม.๔๔ ทะลวงทลายข้อจำกัดข้อกฎหมายต่างๆ ให้งานก่อสร้างวางระบบรางทำได้สะดวกคล่องตัวขึ้น การรับฟังเสียงสะท้อนจากชาวบ้าน รวมถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมทำได้เร็วขึ้นสั้นลง เรื่องพวกนี้ที่เดินหน้าได้เร็วมันเกิดยุคลุงตู่ที่ด่าๆว่ารัฐบาลเผด็จการ ๘ ปีไม่ทำอะไรแทบทั้งนั้น ส่วนรถไฟความเร็วสูงที่มันคืบหน้าไปมากก็เพราะยุครัฐบาลคสช.สมัยแรกลุงตู่ได้ “เฮียกวง” สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯเศรษฐกิจ กระโดดลงมาคุมเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ระดับกูรูสมคิดจับงานไหนมีแต่วิ่งฉิว เพราะตอนนั้นตามติดเรื่องนี้ แบบไปกระทรวงหูกวางทุกอาทิตย์ตามงานทุกสัปดาห์ทั้งเช้าเย็น แถมคมนาคมยุคนั้นได้คนเก่งหาตัวจับยากอย่าง อาคม เติมพิทยาไพสิฐ ทำหน้าที่ “ราชรถ ๑” รับบทเป็นแม่งานเป็นคนดู เรื่องไฮสปีดเทรนเลยวิ่งปรู้ด เรื่องพวกนี้อุ๊งอิ๊งอย่าพูดเอาแต่ได้อย่าเคลมแบบเมามัน ไม่อายชาวบ้าน ก็อายคนที่เขาทำเรื่องนี้จริงๆบ้าง อย่าไปเหมาเข่งอย่าไปมโนว่ามันจะรุ่งเรืองหากอยู่ในมือพรรคเพื่อไทย อายเขา
/////////////////////