จากกรณีที่ สุมิตตา ดวงแก้ว หรือ ฝ้าย BNK48 รุ่นที่ 2 ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “ตอนนี้หนูพ้นสภาพจากการเป็นสมาชิก BNK48 แล้วค่ะ จากนี้ไป ขอให้ทุกคนติดตามหนูในช่องทางใหม่นะคะ” นอกจากนี้ ฝ้ายยังได้ออกมาไลฟ์สด พร้อมน้ำตา ว่า ได้ทำหนังสือขอยกเลิกสัญญา กับทางบริษัทไปตั้งแต่ 5 มีนาคม และได้แจ้งไปว่าขอพ้นสภาพสมาชิกวงในปลายเดือนเมษายน แต่เธอได้รับจดหมายส่งมาที่บ้าน ให้พ้นสภาพทันที ในเวลา 24.00 น. วันที่ 18 มีนาคม 2564 ทั้งนี้ เธอจะไม่มีสเตจจบการศึกษา รวมทั้งงาน 2 shot และงานกีฬาสี ด้วย
ต่อมาทางต้นสังกัดได้ออกมาแถลงชี้แจงเรื่อง พ้นสภาพการเป็นศิลปินวงไอดอล BNK48 ของ น.ส.สุมิตตา ดวงแก้ว หรือ ฝ้าย BNK48 นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เนื่องจาก น.ส.สุมิตตา ดวงแก้ว (ฝ้าย BNK48) ได้มีการกระทำผิดต่อกฎของบริษัทอย่างร้ายแรงในหลายหัวข้ออันเป็นการผิดสัญญาต่อบริษัท ไม่เกี่ยวข้องกับการแสดงออกทางการเมือง เพื่อรักษาความเป็นระเบียบ และผลประโยชน์ของสมาชิกที่เหลืออยู่ บริษัทฯจึงมีมติให้ น.ส.สุมิตตา ดวงแก้ว พ้นสภาพจากการเป็นศิลปินของบริษัท แต่ยังต้องผูกพันตามเงื่อนไขในสัญญาที่ต้องปฏิบัติหลังเลิกสัญญาทุกข้อ พร้อมทั้งส่งมอบเฟซบุ๊กเพจ “Faii BNK48” และอินสตาแกรม “faii.bnk48official” คืนให้กับทางบริษัทนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
สำหรับกิจกรรมที่หลงเหลือของ น.ส.สุมิตตา ดวงแก้ว ทั้งงาน BNK48 3rd Album “Warota People” 2-short และเทศกาลกีฬาอนุบาลหนูน้อย48 จะถูกยกเลิกการเข้าร่วมทั้งหมด รวมถึงจะไม่มีกิจกรรมปลดรูปและสเตจจบการศึกษาใดๆ ทั้งสิ้น (สำหรับรายละเอียดการคืนสินค้า กรุณาติดตามประกาศได้ภายหลัง) และเนื่องด้วยเหตุผลทางกฎหมาย จึงทำให้่ทางบริษัทไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดต่างๆได้ ทางเราหวังว่าจะได้รับความเข้าใจ
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ฝ้ายถือเป็นส่วนหนึ่งที่ออกมาแสดงความเห็นทางการเมืองอยู่บ่อยครั้ง แน่นอนว่าการที่ต้นสังกัดร่อนหนังสือ ให้ออกแบบกระทันหันจึงทำให้ม็อบ 3 นิ้วจับมาเป็นประเด็นว่า การเมืองพ่นพิษ
ล่าสุด ดำรงค์ นาวิกไพบูลย์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีดังกล่าวว่า เรื่องที่ฝ้ายโดนไล่ออกนั้น หลายคนอาจสงสัยว่า “เพราะการเมืองรึเปล่า ?” แต่ถ้าคุณทราบรายละเอียดการพิจารณาของ อฟช (ออฟฟิเชียล – Official) แล้ว คุณจะเห็นว่า
ต่อให้ไม่มีเรื่องการเมือง ก็สมควรไล่ออกอยู่ดี จากนี้ไป ผมจะไล่ประเด็นให้ฟัง
=======
ไม่ทำงาน
=======
ถ้าคุณจ้างใครสักคน ไม่ว่าเขาจะทำเงินหรือไม่ก็ตาม แต่อย่างน้อย เขาต้องทำงานให้สมกับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย แต่ฝ้ายไม่ทำ
บริษัทจ่ายค่าโพสต์แอปให้ฝ้ายเดือนละ 2 พัน และค่าไลฟ์ 1 หมื่น เพื่อให้ไลฟ์ 3 ครั้ง 3 ชั่วโมง ปรากฎว่า มีหลายครั้งที่ฝ้ายเปิดไลฟ์ทิ้งไว้แล้วไปอยู่บนหน้าจอ ไปอาบน้ำบ้าง ไปทำอย่างอื่นบ้าง ถือได้ว่า ไม่ทำงาน
=======
ไม่ทำเงิน
=======
ตรงนี้ เป็นสิ่งที่ต้องพูดกันตามตรงว่า งานไอด้อล เป็นส่วนงานที่ต้องทำเงินให้บริษัท ไม่งั้นบริษัทจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าตัว ค่าไลฟ์ สวัสดิการต่าง ๆ ให้ฝ้าย นี่ยังไม่นับค่าใช้จ่ายอื่นที่บริษัทต้องหามาจ่ายทีมงานอื่นที่ต้องมาคอยซัพพอร์ตฝ้ายและเม็มเบอร์คนอื่น ๆ อีกนะ แต่ฝ้ายไม่สามารถทำเงินให้บริษัทได้ ยอดจับมือก็ต่ำ ขายบัตรจับมือไม่ออก งานวันเกิดฝ้าย ตามธรรมเนียมที่แฟนคลับ โอตะทั้งหลายจะแข่งกันเปย์เพื่อให้เม็มได้ท็อป แต่ฝ้ายดันได้ยอดต่ำ แถมยอดยังแพ้เม็มวงน้องใหม่จาก CMG48
ได้มาแค่หมื่นเดียวเอง แถมดันมีการพูดอีกว่า “จะมาแข่งกันเปย์ทำไม เอาเงินไปทำบุญดีกว่า ?” เออ พูดแบบนี้ บริษัทจะเอาเงินจากไหนมาจ่ายค่าตัวคุณ
===============
มีโอตะด้อยคุณภาพ
===============
ตรงนี้ อาจจะเหมือนเข้าประเด็นการเมืองหน่อยนะ อย่างที่เรารู้กันว่า ฝ้ายนั้นหนุนม็อบสามกีบแบบสุดลิ่มทิ่มประตู นั่นทำให้ฝ้ายมีแฟนคลับที่เป็นพวกร่านสามกีบเป็นจำนวนมาก ยอดไลค์ ยอดแชร์ ยอดเอ็นเกจเม้นท์สูง แต่ไม่ทำเงิน ไม่เคยทำเงิน และไม่เคยได้เงินจากพวกสามกีบเลย แถม เป็นพวกโอตะสามกีบนี่แหละ ที่ทำให้โอตะสายเปย์เบื่อหน่าย และถอยหายออกไปจากตัวฝ้าย
ยอดเปย์ที่ฝ้ายทำได้ ถึงสวนทางกับยอดเอ็นเกจเม้นท์ของฝ้ายยังไงหล่ะ ในฐานะผู้บริหาร เค้าก็ต้องสนใจยอดเปย์มากกว่ายอดเอ็นเกจอยู่แล้ว หลังการติดตามตัวเลขมาเป็นระยะหนึ่ง ทางผู้บริหารจึงลงความเห็นว่า #โอตะร่านสามกีบของฝ้าย เป็น #โอตะขยะที่ไม่ทำเงิน
===
สรุป
===
ฝ้าย ไม่เพียงไม่ทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายแล้ว ฝ้ายยังไม่ทำเงินให้บริษัทอีกด้วย บริษัท ในฐานะผู้ประกอบการแสวงหาผลกำไร ไม่หวังผลทางการเมือง เขาตัดสินใจบนพื้นฐานเหตุผลทางด้านธุรกิจและการทำงานเป็นหลัก ไม่เกี่ยวอะไรกับการเมืองจริงจริง
ป.ล. รักน้องมิวนิค