ควันหลงการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ซึ่งชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ชนะการเลือกตั้งไปแบบถล่มทลายได้คะแนนไปสูงสุดถึง ๑,๓๘๖,๒๑๕ คะแนน นอกจากจะทำให้เกิดกระแส “ผู้ว่าฯกทม.ฟีเวอร์”แล้ว ยังทำให้กระแสการเลือกตั้งของคนกรุงเทพกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังไม่ได้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.มา ๙ ปี ไม่มีการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.)มา ๑๒ ปี ด้วยเหตุนี้จึงทำให้การเลือกตั้งของกรุงเทพฯรอบนี้ได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตามผลแห่งการชนะเลือกตั้งสนามเมืองหลวงแบบแลนด์สไลด์ของชัชชาติ ถูกฝ่ายพรรคเพื่อไทยคอกทักษิณเอาไปเคลมเอาไปเหมารวมว่าเป็นชัยชนะของพวกตัวเอง ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็ประกาศว่าชัชชาติลงสมัครอิสระไม่สังกัดพรรคใดไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรค แต่พอชัชชาติชนะเลือกตั้งได้คะแนนจากคนกรุงเทพล้นหลาม ก็เหมาเข่งชุบมือเบิปว่าเป็นผลงานของพรรคตัวเอง
ล่าสุดก็พยายามเอากระแสบวกผลงานโบว์แดงของชัชชาติไปต่อยอดขยายความสำเร็จให้กับตัวเอง โดยเฉพาะการเดินทางไปจัดกิจกรรมคาราวานครอบครัวเพื่อไทยในต่างจังหวัด ที่งานนี้ไปจัดที่จ.สุรินทร์ ใช้ธีมงานว่า “ครอบครัวเพื่อไทยเพื่อชาวนาไทย” รอบนี้แกนนำพรรคเพื่อไทยก็หยิบเอาผลการเลือกตั้งกรุงเทพฯนี้แหละ ไปขายฝันให้กับชาวบ้านต่อในอีสาน “เสี่ยอ๋อย” จาตุรนต์ ฉายแสง ประกาศบนเวทีเสียงดังฟังชัด คนกรุงเทพฯแลนด์สไลด์ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.และส.ก. ต่อไปจะต้องแลนด์สไลด์ในต่างจังหวัด ขอยืมมือคนอีสานมาเลือกตั้งให้มากๆ เลือกตั้งครั้งหน้าต้องแลนด์สไลด์ทั้งประเทศ ฝ่าย “เฮียทิน” สุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประธานวิปฝ่ายค้าน ก็ออกตัวแรงไม่แพ้กัน เพราะขอพลังคนอีสานสังหาร “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ได้คาหีบเลือกตั้ง โอ้พรรคเพื่อไทยมีสมาชิกกว่า ๒๐ ล้านคนทั่วประเทศ มีทางเดียวที่จะล้มพล.อ.ประยุทธ์ที่บริหารประเทศมานานถึง ๘ ปีได้ คือการเลือกส.ส.พรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์เข้าไปเยอะๆ ปลดนายกฯในสภาไม่ได้เราก็จะไปปลดในหีบเลือกตั้ง ขณะที่ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยก็พูดจาขึงขังหนักหน่วงไม่แพ้กัน นายกฯอยู่มา ๘ ปี ทำอยู่ ๒ เรื่อง คือทำให้คนไทยจนลงและทำให้คนไทยติดโควิด-๑๙ ถ้าเราต้องการให้นายกฯคนนี้ออกไปรอบหน้าขอให้เลือกผู้แทนของเราสุรินทร์แลนด์สไลด์ทั้ง ๘ เขต
ได้ทีขี่แพะไล่โหนชัชชาติกันสุดลิ่มทิ่มประตู ทั้งๆที่ความจริงหากมองในรายละเอียดการเลือกตั้งส.ก.ที่เกิดขึ้นล่าสุด แม้พรรคเพื่อไทยจะกวาดส.ก.ไปได้มากสุดถึง ๒๐ เขตจาก ๕๐ เขต แต่ถ้าไปดูเนื้อในจากการเลือกตั้งแต่ละเขตจะพบว่าคะแนนส.ก.ของพรรคเพื่อไทยรอบนี้ทั้ง ๕๐ เขตได้คะแนนนรวม ๖๒๐,๐๐๙ คะแนน ขณะที่คะแนนจากการเลือกตั้งส.ส.คราวที่แล้วเมื่อ ๒๔ มี.ค. ๒๕๖๒ ในกทม.ได้ส.ส.ไปรวม ๙ คน ได้คะแนนรวม ๖๐๔,๖๖๑ คะแนน ดูเหมือนคะแนนในกรุงเทพฯจะเพิ่มขึ้นมา ๑๕,๓๔๘ คะแนน มองแบบนี้น่าจะเป็นเรื่องดีเพราะได้คะแนนเพิ่มขึ้น แต่ช้าก่อนความจริงตอนเลือกตั้งคราวที่แล้วเมื่อ ๔ ปีก่อน พรรคเพื่อไทยส่งผู้สมัครส.ส.ลงแค่ ๒๒ เขต จาก ๓๐ เขต ที่หายไป ๘ เขตก็เพราะว่ามีการหลบเขตไม่ส่งผู้สมัครลงในเขตที่พรรคไทยรักษาชาติ (ทสช.) ที่เป็นพรรคพี่พรรคน้องลงสมัคร แต่เพราะพรรคไทยรักษาชาติบุญมีแต่กรรมบังถูกยุบพรรคไปเสียก่อนด้วยที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เล่นการเมืองแบบดึงฟ้าต่ำที่สุดเลยถูกยุบพรรค ๘ เขตที่ว่าเลยไม่มีคนของพรรคเพื่อไทยลงสมัคร คราวก่อนคะแนนในกรุงเทพฯของพรรคเพื่อไทยเลยหายไปอื้อ เพราะฉะนั้นเลือกตั้งส.ก.รอบนี้ถ้าพรรคเพื่อไทยปลื้มกับคะแนนส.ก.ที่ได้เพิ่มมาจากเลือกตั้งทั่วไปคราวที่แล้วราว๑๕,๓๔๘ คะแนน อยากหลอกตัวเองแบบนั้นรู้สึกดีใจเพราะคะแนนแบบนี้ก็ตามใจ ขณะที่ไปดูคะแนนในรายเขตจะเห็นได้ว่าคะแนนของพรรคเพื่อไทยทิ้งห่างคะแนนของพรรคก้าวไกลที่ได้ไป ๔๘๒.๘๓๒ คะแนน ได้ส.ก.มา ๑๖ คน ไม่มากเลย แม้จะลดลงจากการเลือกตั้งทั่วไปปี ๖๒ ที่ตอนนั้นกวาดคะแนนในกรุงเทพฯไปถึง ๘๐๔,๒๑๗ คะแนน แต่ก็เป็นการสะท้อนคะแนนจริงๆของพรรค
ผู้สมัครส.ก.ของพรรคก้าวไกล ที่หลายคนหลายเขตจ่อคอหอยผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยมากๆ โดยได้อันดับ ๒ ไปเกือบ ๒๐ เขต มองอย่างนี้จะบอกว่าพรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์กรุงเทพฯ คงพูดไม่ได้เต็มปากแน่นอน อย่าลืมว่าอนาคตยังมีพรรคไทยสร้างไทยของ “เจ๊หน่อย” สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รุกคืบมาแบ่งเค้กการเมืองด้วย ขณะที่ ๒ พรรคใหญ่อย่างพรรคพลังประชารัฐที่ได้ส.ส.ในกรุงเทพฯมากสุดจากการเลือกตั้งคราวที่แล้ว กับพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นแชมป์เก่าหลายสมัยก็พร้อมกับมาทวงบัลลังก์คืน หนำซ้ำยังมีพรรคเกิดใหม่อีกเพียบที่พร้อมชิงชัยในสนามเลือกตั้งคราวหน้า ทั้งพรรคกล้า พรรคสร้างอนาคตไทย พรรคไทยภักดี ฯลฯ เพราะฉะนั้นที่บอกว่าพรรคเพื่อไทยจะแลนด์สไลด์เมืองหลวงในการเลือกตั้งรอบหน้า แทบไม่มีทางเป็นไปได้เลย หันกลับไปดูภาพรวมสนามเลือกตั้งใหญ่ทั่วประเทศกันบ้าง รอบก่อนพรรคเพื่อไทยได้ส.ส.ระบบเขตไป ๑๓๖ คน กทม. ๙ คนกลาง ๑๖ คน อีสาน ๘๔ คน เหนือ ๒๗ คน ใต้ไม่ได้เลย ได้คะแนนรวมทั้งประเทศไป ๗,๙๓๓,๑๗๑ คะแนน ในส่วนส.ส.แบบบัญชีรายชื่อไม่ได้เลย เพราะติดกับดักการคิดคะแนนแบบจัดสรรปันส่วนผสม ติดเพดานพรรคการเมือง เจอสูตรการคิดคำนวณส.ส.พึงมี คะแนนไม่ตกน้ำมาสกัดดาวรุ่งไป เลยไม่ได้ส.ส.บัญชีรายชื่อแม้แต่คนเดียว แต่มาคราวนี้ส.ส.ระบบเขตเพิ่มขึ้นจาก ๓๕๐ คนเป็น ๔๐๐ คน ใช้บัตรเลือกตั้ง ๒ ใบ ไม่มีการคิดคะแนนแบบจัดสรรปันส่วนผสม ไม่มีเพดานส.ส.มากำหนด เพราะฉะนั้นพรรคเพื่อไทยจึงฝันหวานนายใหญ่จึงฝันไกล ถ้าเลือกตั้งอีหรอบเดิทใช้สูตรคิดคำนวณแบบนี้ มีหวังมีโอกาสแลนด์สไลด์ได้เหมือนยุคทองพรรคไทยรักไทยที่เคยกวาดส.ส.สมัยแรกเมื่อ ๖ ม.ค.๒๕๔๔ ได้ไป ๒๔๘ คน สมัยสองเมื่อ ๖ ก.พ.๒๕๔๘ กวาดไป ๓๗๗ คน
อย่างไรก็ตามโอกาสจะเกิดแบบที่ทักษิณหวังพรรคเพื่อไทยอยากคงยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา เวลาเปลี่ยนคนเปลี่ยนความคิดเปลี่ยน ตอนทักษิณรุ่งๆพรรคไทยรักไทยรุ่งเรือง เอาจริงๆที่ได้ส.ส.ถล่มทลายตอนนั้นก็เพราะใช้วิธีการ “ซื้อยกเข่ง เซ้งยกพรรค” เพราะใช้โคตรเครื่องดูดหัวพญานาคตราชินวัตร ดูดส.ส.จากทุกมุ้งกว้านผู้แทนจากทุกกลุ่มมาผสมพันธุ์กัน แต่ยุคนี้พ.ศ.นี้จะทำให้ได้แบบนั้น คงเป็นได้แค่ฝันกลางวันไม่มีทางที่พรรคเพื่อไทยจะได้แลนด์สไลด์แบบแฮตทริกหรือชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลายเป็นครั้งที่ ๓ ต่อให้ชูคนรุ่นใหม่เอาลูกสาวนายห้างมาเป็นหัวหน้าครอบครัว อย่าง “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ก็ไม่มีทางเพราะบริบท วิธีคิด คู่แข่ง สิ่งแวดล้อม ฯลฯ มันเปลี่ยนไปหมดแล้ว เอากันจริงๆที่ประกาศปาวๆทุกเวที ว่าจะชนะแลนด์สไลด์กวาดส.ส. ๒๕๐ ขึ้นไปจากทั้งหมด ๕๐๐ คนก็นับว่าแสนยาก ลำพังรักษาส.ส.เขตที่มี ๑๓๖ คนให้ได้เท่าเดิมหรือไม่น้อยไปกว่าเดิมก็เก่งมากๆแล้ว
ประการแรกอย่าลืมว่าพรรคเพื่อไทยยังมีคู่แข่งที่เป็นพรรคที่มีกองเชียร์ฐานเดียวกันอีก ๒ พรรคใหญ่ๆ หนึ่งคือพรก้าวไกล อีกหนึ่งคือพรรคไทยสร้างไทย ตอนนี้ทั้งสองพรรคก็รุกหนักเข้าไปในฐานที่มั่นของพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะภาคอีสานที่พรรคเพื่อไทยฝ่ายทักษิณเคยเป็นแชมป์ตลอดกาล อนาคตก็อาจไม่แน่เป็นแชมป์คงไม่ยากแต่จะรักษาฐานส.ส.ให้ได้สูงลิบลิ่วเหมือนเดิมคงลำบาก เพราะเจ๊หน่อยกับลูกพรรคก็ลุยเจาะฐานเสียงพรรคเพื่อไทยเกือบทุกแห่งตีท้ายครัวทุกตำบลเข้าถึงทุกหมู่บ้าน ประการที่สองพรรคคู่แข่งขั้วตรงข้ามก็มีเพียบ ทั้งพรรคพลังประชารัฐที่แม้จะอยู่ในช่วงขาลง แต่หายประมาท ๓ ป. บูรพาพยัคฆ์ ที่มีครบทั้ง “คน-เงิน-ปืน” ถ้าคุยปัญหาภายในกันได้จบ ดันพล.อ.ประยุทธ์ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคหรือกลับมาปรับปรุงพรรคใหม่ให้ได้เร็วๆ อนาคตก็อาจจะกลายมาเป็นคู่แข่งสำคัญของพรรคเพื่อไทยได้ไม่ยากเพราะมีทุกอย่างครบอยู่แล้ว ในส่วนพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคใหม่อย่างสร้างอนาคตไทยก็พร้อมบุกอีสานแชร์เก้าอี้ส.ส.ในหลายจังหวัดได้เช่นกัน แต่คู่ต่อสู้ที่สำคัญขอบพรรคเพื่อไทยในอีสาน ห้ามประมาทพรรคเสี่ยหนูก๊วนพลังใบของเนวินอย่างพรรคภูมิใจไทยเด็ดขาด เห็นอภินิหารที่ค้ำบัลลังก์บิ๊กตู่ในการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี ๒๕๖๖ แล้วหรือยัง ตัวเลขรัฐบาลผ่านงบฉลุย ๒๗๘ คะแนน ส่วนสำคัญก็มาจาก “งูเห่า-งูฝาก” ผลงานโบว์แดงของอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยล้วนๆ หน้าตักวางโชว์ไว้ ๖๒ คน แต่ในกองที่ฝากเลี้ยงไว้ยังมีอีกเป็นสิบ บวกลบคูณหารก๊วนเสี่ยหนูลูกพี่เนมีในมือไม่น่าจะต่ำกว่า ๗๐ คน นี้แค่ช่วงซ้อมเลือกตั้งยังท่วมท้นขนาดนี้ อนาคตใกล้ๆเข้าคูหากันจริงๆ พรรคสายกัญก๊วนพลังใบของเสี่ยหนูลูกพี่เนคงมีพวกมาซบอกตกอยู่ใต้ปีกอีกบาน แถมไม่ใช่มีแค่อีสานอย่างเดียวเครือข่ายส.ส.มีหมดมีครบทุกภาคทุกจังหวัด เพราะฉะนั้นที่ทักษิณโม้ๆในคลับเฮ้าส์แกนนำเพื่อไทยขี้คุยแลนด์สไลด์ในเวทีหรือสัมภาษณ์ต่างๆ เกิน ๒๕๐ คน ถามจริงๆประเมินพรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา ต่ำต้อยด้อยราคาขนาดนั้นเลยหรือ โดยเฉพาะเรื่องประกาศแลนด์สไลด์ในภาคอีสาน ถามจริงๆได้ถามเสี่ยหนูคุยกับพี่เนหรือยังเขายอมไหม
ประการที่สามในครอบครัวตัวเองมั่นใจได้อย่างไรว่าลูกพรรคคนในบ้านจะอบอุ่นจะอยากไปต่อกับพรรคเพื่อไทย ไอ้ที่เคยได้ ๑๓๖ คน เลือกตั้งรอบก่อน ถามว่าตอนนี้เหลืออยู่กี่คน มีงูเห่าเลี้ยงงูฝากไว้กี่ตัว หลายคนตัวอยู่พรคเพื่อไทยใจไปอื่นหมดแล้ว ลุงป้อมเสี่ยหนูเจ๊หน่อยเตรียมอ้าแขนรับ ถึงเวลาเลือกตั้งจริงๆ ก็จะรู้ว่าหนีไปกี่คนย้ายไปกี่พรรค เรื่องพรรอย่างนี้พรรคต้นทางบ้านใหม่เขารู้เขาเก็งกันได้หมด พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย พรรคไทยสร้างไทยเขาติดต่อกันไว้หมด อ้าแขนไว้รออยู่แล้ว เรื่องพวกนี้อย่าหลอกตัวเอง คนในแวดวงการเมืองเขาดูออก อภิปรายงบประมาณก็เห็นชัดโม้จัดว่าจะล้มรัฐบาลคว่ำนายกฯ เอาเข้าจริงเจอสวิงโหวตเสียเอง ฝ่ายค้านจาก ๒๐๘ คน โหวตจริงเหลือแค่ ๑๙๔ คนหายไป ๑๔ คน ขายหน้าเขาไปทั่วเอาหน้าไปไว้ไหน รอบหน้าซักฟอกก็คงล่องจุ๊นอีกยก ไม่มีน้ำยาทำอะไรพล.อ.ประยุทธ์ได้ ส่วนอนาคตที่หวังจะดูดส.ส.ไปเพิ่มจะเอาผู้แทนไปเติมจากพรรคเศรษฐกิจไทยของ “ผู้กอง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ตอนนี้มีส.ส.เหลือแค่ ๑๖ คน บอกพรรคเพื่อไทยได้เลยอย่าคิดหวัง “น้ำบ่อหน้า” ลำพังตัวผู้กองเองก็แทบเอาตัวไม่รอด ตอนนี้มี ๑๖ คนก็จริง แต่วงในข่าวล่าบอกว่าจะหนีผู้กองอีกหลายคนจะย้ายไปอยู่พรรคอื่นอีกเพียบ ลองคิดดูพรรคการเมืองอะไรขนาดหัวหน้าพรรคดีเด่นดัง ระดับ “บิ๊กน้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ยังต้องไขก๊อกลาออกทิ้งพรรคไป ถ้าไม่มีปัญหาหนักหน้ากันจริงๆ พล.อ.วิชญ์คงไม่ลาออกให้เสียรังวัดเสียราคาแบบนี้ แต่เพราะทนผู้กองไม่ไหวไปต่อกันไม่ได้จริงๆ จึงต้องขอบ๊ายบาย ถ้าพรรคเพื่อไทยอยากเซ้งเอาไปใช้งานต่อก็ไม่ว่ากัน ดูทรงจากสองสามเรื่องที่ว่านี้ พรรคเพื่อไทยของนักโทษหนีคดี ณ ดูไบ ก็คงยากที่จะชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลายเหมือน ๒๐ ปีก่อน ตอนนี้ก็ลุ้นเรื่องสูตรคิดคำนวณ ๑๐๐ หาร หรือ ๕๐๐ หารเท่านั้น ว่าตกลงบิ๊กตู่กับบิ๊กป้อมจะเอาอย่างไร ถ้าเคาะ ๑๐๐ หาร พรรคเพื่อไทยนายใหญ่ก็มีลุ้น แต่ถ้ากลับสูตรเป็น ๕๐๐ หาร หรือตีตกกฎหมายลูกไปล้างไพ่กติกากันมาใหม่ บอกเลยพรรคเพื่อไทยตายหยั่งเขียด หมดปัญญาแลนด์สไลด์ได้อย่างแน่นอน รอดูพี่น้อง ๒ ป.เขาจะเอาไงกับเรื่องนี้ ไปๆมาๆ ได้ที่ออกมาเย้วๆ โหมโรงเรื่องแลนด์สไลด์กันหนักเล่นใหญ่กันทั้งพรรค ก็แค่ให้กำลังใจกันเอง กลบรอยร้าวในครอบครัว แสร้งฮึกเหิมไม่ให้คนรู้ว่าในพรรคมันแตกแยก เพราะมีคนในเตรียมย้ายออกกันอีกบาน หนีออกจากบ้านตระกูลชินกันอีกเพียบ ครอบครัวอบอุ่นก็แค่ภาพหลวงตา ไม่เชื่อใกล้ๆคอยดูแล้วกัน
/////////////////