จบงบประมาณปี ๖๖ ป้ายหน้าถกกฎหมายลูก ๒ ฉบับ ชี้ชะตาเลือกตั้ง

ประยุทธ์ผ่านฉลุย ๒๗๘ เสียงสนับสนุนผ่านงบประมาณ ๖๖ วาระแรก  ฝ่ายค้านหน้าแหกเพื่อไทยขายหน้า เจอ “งูเห่า-งูฝาก” ย้ายขั้วสลับข้างหนุนรัฐบาล  คว่ำรัฐบาลแค่เพ้อฟันล้มประยุทธ์แค่เพ้อเจ้อ งบประมาณยังบ้อท่า รอบหน้าศึกซักฟอกคงหมดปัญญาล้มนายกฯ ภูมิธรรมหัวเสียถึงขั้นขึ้นชื่อประจานลูกพรรค นายกฯลุ้นต่อถกกฎหมายลูก ๒ ฉบับ ชี้ชะตาเลือกตั้ง ๑๐๐ หารหรือ ๕๐๐ หาร หรือคว่ำกฎหมายล้างไพ่ใหม่

เสร็จสิ้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๖  วงเงิน ๓.๑๘๕ ล้านล้านบาท ซึ่งสภาฯ ลงมติรับหลักการด้วยเสียงข้างมาก ๒๗๘ เสียง ไม่เห็นด้วย ๑๙๔ เสียง  งดออกเสียง ๒  เสียง  จากนั้นมีการตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพรบ.งบประมาณ ๗๒ คน แบ่งเป็นครม.๑๘  คน พรรคเพื่อไทย ๑๕ คน พรรคพลังประชารัฐ ๑๑ คน พรรคภูมิใจไทย ๗ คน พรรคประชาธิปัตย์ ๖ คน พรรคก้าวไกล ๖ คน พรรคเศรษฐกิจไทย ๒ คน  ที่เหลือเป็นพรรคเล็กๆ อีกพรรคละ ๑ คน ประกอบด้วย พรรคชาติไทยพัฒนา  พรรคเสรีรวม พรรคประชาชาติ พรรคเศรษฐกิจใหม่ พรรคเพื่อชาติ พรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรคพลังท้องถิ่นไท  กำหนดแปรญัตติ ๓๐ วัน มีการประชุมนัดแรก ๖ มิ.ย. นี้  เป็นอันว่าจบการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี ๖๖ ลงแบบแฮปปี้เอนอิ้ง ไม่มีการพลิกโผไม่มีการคว่ำร่างไม่มีเหตุล้มนายกฯ  ที่อาจทำให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องประกาศยุบสภาหรือลาออกตามธงของนายใหญ่คนแดนไกลแต่อย่างใด  บวกลบคูณหารบิ๊กตู่ยังเป็นนายกฯต่อไปอีกยาวๆ

แต่ฝากที่หน้าแหกหมอไม่รับเย็บกลับบ้านไม่ถูก ก็ต้องเป็นฝ่ายตรงข้ามฝั่งพรรคฝ่ายค้านที่แรกเริ่มก่อนอภิปราย ปากดีเสียงดัง  ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล  โม้แหลกจะคว่ำงบประมาณโวสะบัดจะล้มพล.อ.ประยุทธ์  ที่ไหนได้แพ้โหวตลงมติแบบหลุดลุ่ยขาดกระจุย นอกจากจะไม่มีสวิงโหวตจากส.ส.รัฐบาลมาอยู่กับฝ่ายค้านแล้ว งานนี้ยังเสียหน้าสุดๆเพราะโดนรัฐบาลสวิงโหวตดึงส.ส.ฝ่ายค้านกลับไปสนับสนุนงบประมาณแทน  จากเดิมที่ฝ่ายค้านมีเสียง ๒๐๘ คน ลงมติไม่เห็นด้วย ๑๙๔ คน  เพราะฉะนั้นมีถึง ๑๔ คนที่โหวตเห็นด้วยกับร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี ๖๖  ที่ขายหน้าสุดๆเห็นจะไม่มีใครเกินพรรคเพื่อไทย เพราะก่อนลิเกจะลงโรง ทั้งหัวหน้า ทั้งเลขาฯ ทั้งลูกพรรค ออกมาคุยฟุ้งคว่ำรัฐบาลล้มบิ๊กตู่ได้แน่ๆ แต่ที่ไหนได้คนของตัวเองส.ส.ในมุ้งเพื่อไทยนั้นแหละที่ทรยศหักหลังตัวเอง เพราะไม่อยากอยู่พรรคสายโกงคอกทักษิณจึงทิ้งพรรคโหวตสวนออกมาตบหน้ากันเห็นๆ ล่าสุดบรรดาแกนนำถึงกันควันออกหูรับไม่ได้ที่พรรคเสียหน้าเพราะถูกคนในหักหลัง  ผิดหวังเจ็บใจสุดๆ ถึงขนาด “เสี่ยอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ต้องตื่นจากเตียงมาโพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านทวิตเตอร์ตั้งแต่เช้า ประจานส.ส.ที่โหวตสวนมติพรรค ความว่า  “ ๗  ส.ส. เพื่อไทย สวนมติพรรค โหวตรับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ๖๖ ” พร้อมภาพรายชื่อประกอบ  ๗ คนที่ว่าประกอบด้วย จักรพรรดิ ไชยสาส์น ส.ส.อุดรธานี , จาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ ส.ส.ศรีสะเกษ , ธีระ ไตรสรณกุล ส.ส.ศรีสะเกษ , นิยม ช่างพินิจ ส.ส.พิษณุโลก , ผ่องศรี แซ่จึง ส.ส.ศรีสะเกษ , วุฒิชัย กิตติธเนศวร ส.ส.นครนายม และ สุชาติ ภิญโญ ส.ส.นครราชสีมาหากเป็นไปตามนี้ก็ต้องบอกว่าเสียงรัฐบาลที่ได้โหวตถึง๒๗๘ คน ในคราวนี้ ล้น

ส่วนหนึ่งต้องยกความดีความชอบให้ผู้จัดการรัฐบาลอย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่กลับมาคืนฟอร์มผู้มีบารมีคุ้มเสียงส.ส.ในสภาได้อีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้หลายคนยังกังขาว่าบิ๊กป้อมจะเอาอยู่ “ผู้กอง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทยได้หรือไม่หลังจากที่มีเรื่องมีราวมีปัญหาภายในพรรคเศรษฐกิจไทย  รวมถึงกรณีที่ก่อนหน้านี้ทางผู้กองออกมาโหมกระแสร่วมมือพรรคเล็กรวมพลังกลุ่ม ๑๖  จับมือกับฝ่ายค้านในการล้มพล.อ.ประยุทธ์ แต่สุดท้ายความกังวลนี้ก็ไม่เกิด   หนำซ้ำ ๑๖ เสียงของพรรคผู้กองก็โหวตรับร่างทั้งหมด ขณะที่บรรดาส.ส.พรรคเล็กและกลุ่ม ๑๖ ที่เคยออกข่าวว่ามีอยู่ ๑๘ คน ถึงเวลาจริงๆก็ไม่มีใครงอแงไม่มีใครแตกแถวเลย งานนี้บิ๊กป้อมก็ต้องได้รับเสียงชื่นชมไปเต็มๆ   ส่วนที่ต้องให้เครดิตใหญ่ๆผูกโบว์แดงให้อีกคนก็คือ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นอกจากจะพาพรรคภูมิใจไทย ๖๒ เสียงหนุนร่างงบประมาณจนผ่านฉลุยแล้ว  งานนี้เสี่ยหนูยังโชว์พาวเวอร์ ใช้ “งูเห่า” โชว์ “งูฝาก” ที่ฝากเลี้ยงไว้กับพรรคเพื่อไทยอีกเป็นสิบคน   แสดงพลังโหวตสวนมติพรรครับร่างพ.ร.บ.งบประมาณเพื่อประชาชนไปแบบน่าชื่นชม  แถมเสียงฝ่ายสนับสนุนที่ได้ ๒๗๘ คน  ถ้าหัก ๑๖ คนของพรรคเศรษฐกิจไทยที่เป็นตัวแปรออกไป ฝ่ายเห็นด้วยก็จะเหลือเสียงจริงๆ ๒๖๒ เสียง  ใกล้เคียงกับโพยเทพ ที่หลายเดือนก่อนเสี่ยหนูเคยงัดออกมาจากกางเกงโชว์ให้พล.อ.ประยุทธ์ดู   พร้อมตีลังกายันท่านไม่ต้องกังวลเสียงในสภาขอให้อยู่ทำงานไปยาวๆ เสียงรัฐบาลมีพอแน่นอน  เป็นจริงดังที่เสี่ยหนูว่าไว้จริงๆ รอบนี้พล.อ.ประยุทธ์กอดงบประมาณปี ๖๖ ผ่านแบบฉลุยแทบไม่ต้องลุ้น  ผลงานครึ่งหนึ่งต้องยกความดีให้เสี่ยหนูและพรรคภูมิใจไทยจริงๆ ที่สนับสนุนค้ำจุนเรือแป๊ะด้วยดีมาตลอด

 

ต่างจากพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล และพรรคฝ่ายค้านที่ล่องจุ๊น  หากหวังจะทำอย่างที่โม้ก็ต้องทำงานหนักกว่านี้อีกหลายเท่า  ถ้าอนาคตต้องการจะคว่ำรัฐบาลตั้งใจจะล้มนายกฯจริงๆ   เพราะดูทรงแล้วไม่น่ามีปัญญา  ต่อให้เข็นยังไงดันขนาดไหนก็คงไม่ถึง ลำพังมีเสียงในมือแค่  ๑๙๔ คน จะเอาอะไรไปล้มบิ๊กตู่จมรัฐนาวาเรือแป๊ะได้ รอบหน้าต่อให้ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญ ๑๕๑ ที่เล็งจะยื่นญัตติให้ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ ๑๕ มิ.ย.นี้  ดูทรงจากการอภิปรายงบประมาณรอบนี้  รอบหน้าก็คงบ่จี๊ไม่มีทางทำอะไรบิ๊กตู่ได้แน่นอน ก็คงได้แค่เปิดสภาหลอกด่าฟรีเหมือนเคย เพราะมีส.ส.ไม่ถึงมือไม่ครบ จะล้มนายกฯให้ถึงขั้นต้องลาออกหลังศึกซักฟอกได้   ต้องมีเสียงเกินครึ่งของสภาผู้แทนราษฎร ล่าสุดส.ส.มีองค์ประชุม ๔๗๔ คน เกินกึ่งหนึ่งก็ต้องมี ๒๓๘ คน ตอนนี้ฝ่ายค้านมี ๑๙๔ คน ต่อให้บวกพรรคผู้กองอีก ๑๖ คน เต็มที่ก็ได้แค่ ๒๑๐ คน ขาดอีก ๒๘ เสียง  จะเอาปัญญาหาส.ส.ที่ไหนมาได้ต่อให้ได้ส.ส.พรรคเล็กบวกกลุ่ม ๑๖ เพิ่มเข้าไปอีก ๑๘ คน  เต็มที่ก็ได้แค่ ๒๒๘ คนเท่านั้น จนแต้มหมดลุ้นที่จะล้มพล.อ.ประยุทธ์เปลี่ยนขั้วรัฐบาลได้  ไอ้ที่ฝันอยากเป็นรัฐบาลแบบส้มหล่นบอกเลยชาติหน้าตอนบ่ายๆ  หนำซ้ำนานวันผ่านไปเผลอๆ ๑๙๔ คน ที่มีอยู่จะถูกดูดย้ายพรรคกันจนร่อยหรอลงไปมากกว่านี้  ขายฝันครอบครัวเพื่อไทยสุดอบอุ่น  เอาเข้าจริงมีแต่คนอยากหนีอยากเดินออกจากบ้าน

ผ่านพ้นจากอภิปรายพ.ร.บ.งบประมาณปี ๖๖ วาระแรก  จากนี้ก็ต้องไปโฟกัสกันที่กฎหมายลูก ๒ ฉบับ คือ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. กับ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง  ซึ่งตอนนี้หลักใหญ่ใจความที่เป็นไฮไลต์คือการคิดคะแนนส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งในชั้นกมธ.วิสามัญสรุปเคาะมาแล้วว่าให้ใช้แบบ ๑๐๐ หาร ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้จะเข้าทางพรรคใหญ่อย่าง พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ และ พรรคเพื่อไทย ที่ยืนกระต่ายขาเดียวจะเอาสูตรคิดแบบนี้มาตลอด ขณะที่บรรดาพรรคเล็กยังมีลุ้นขอให้กลับไปใช้สูตร ๕๐๐ หาร ที่พอจะทำให้ลืมต้าอ้าปากได้บ้าง และมีลุ้นจะได้ไปต่อทางการเมืองเพราะถ้าคิดสูตรนี้เต็มที่ส.ส. ๑ คนจะใช้คะแนนราว ๗๕,๐๐๐ ถึง ๑๕๐,๐๐๐ คะแนนซึ่งบรรดาส.ส.พรรคเล็กพอมีลุ้น  แต่ถ้าใช้สูตร ๑๐๐ หาร กรณีที่จะได้ส.ส. ๑ คน แต่ละพรรคต้องมีคะแนนสูงถึง ๓๕๐,๐๐๐ คะแนนแบบนี้คงไปต่อไม่ไหวสูญพันธุ์แน่นอน  เพราะฉะนั้นต้องรอดูว่าการพิจารณากฎหมายลูกวาระ ๒ และ ๓  ที่เบื้องต้นกำหนดไว้ในวันที่ ๙- ๑๐ มิ.ย.นี้ สรุปแล้วจะออกมาแบบไหนจะลงเอยแบบใด แว่วว่าตอนนี้ทั้งพรรคก้าวไกลและพรรคภูมิใจไทยก็อยากให้ใช้วิธีการคิดแบบ ๕๐๐ หาร  เพราะจะได้ปิดทางแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทยดับฝันทักษิณ  ขณะที่นายกฯก็อยากให้กลับไปใช้สูตรที่ปิดทางพรรคเพื่อไทยไม่ให้ชนะเลือกตั้งถล่มทลาย เพราะฉะนั้นต้องจับตาดูว่าที่สุดปลายทางของการแก้ไขกฎหมายลูก ที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของการเลือกตั้งในอนาคตจะไปจบลงแบบไหนลงเอยอย่างไร  หรือจะถึงขนาดต้องคว่ำกฎหมายลูกล้างไพ่สูตรเลือกตั้งกันใหม่  อันนี้ก็มีทางเป็นไปทั้งหมดก็อยู่ที่พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร ดีดลูกคิดรางแก้วออกมาแล้วทางไหนรัฐบาลกับ พรรคพลังประชารัฐจะได้ประโยชน์ที่สุด

//////////////////////

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เมืองพัทยา เปิดตัวป้ายจอ LED วอล์คกิ้งสตรีทโฉมใหม่ สุดอลังการ ตอบโจทย์เมืองท่องเที่ยวระดับโลก
รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ จัดกิจกรรมวันคล้ายวันสถาปนา ครบรอบปีที่ 28
สงขลา เปิดม่าน “เมืองแห่งป้อมปราการสู่มรดกโลก”
เมืองคอนจัดโครงการมอบโฉนดที่ดินทั่วไทย นำสุขคลายทุกข์ให้ประชาชน
ร้อยเอ็ด รมว.ท่องเที่ยว โชว์โดด “Zipline Roi Et Tower”แลนด์มาร์กสุดท้าทายใหม่แห่งอีสาน
เลย ประเมินตำบลยั่งยืนบ้านป่าเป้า ต.ปากปวน

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​