ลุ้นสภาผ่านงบประมาณปี ๖๖ บิ๊กตู่ฉลุยรัฐบาลไปต่อ จับตา “ตัวแปร” พรรคเล็ก

เปิดศึกช่วงชิงพรรคเล็ก ต่างฝ่ายต่างเคลมสนับสนุนฝั่งตัวเอง  ธรรมนัสยันเศรษฐกิจไทยมี ๑๖ คน บวกกลุ่มพิเชษฐรวมส.ส.พรรคเล็กอีก ๑๘ คน มีลุ้นขย่มเก้าอี้นายกฯล้มรัฐบาล  ฝากรัฐบาลมั่นใจออกข่าวโม้เพ  ตัวเลขจริงพรรคเล็กส่วนใหญ่ล้วนอยู่กับรัฐบาล มั่นใจเสียงผ่านงบเกิน ๒๕๐ คน  จับตาโหวตคืนนี้ ๔ ทุ่ม ผ่านหรือคว่ำรู้กัน

หลังผ่านการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๖๖ วงเงิน  ๓,๑๘๕,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2565 หรือปีที่แล้วจำนวน ๘๕,๐๐๐ ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น ๒.๗๔ %  เป็นเวลา ๓ วัน ๒ คืน โดยเริ่มตั้งแต่ ๓๑ พ.ค.- ๒ มิ.ย.๒๕๖๕   โดยมีระยะเวลาในการอภิปรายรวม ๔๗ ชั่วโมง ๓๐ นาที ก่อนที่จะลงมติในวาระ ๑  ขั้นรับหลักการช่วง ๒๒.๐๐ น. หรือ ๔ ทุ่มคืนนี้   โดย ๑๐ หน่วยงานที่ได้รับงบประมาณสูงสุดในปีนี้ประกอบด้วย  ๑.กระทรวงศึกษาธิการ ๓๒๕,๙๐๐ ล้านบาท ลดลง ๔,๕๖๒  ล้านบาท ๒.กระทรวงมหาดไทย ๓๒๕,๕๗๘ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๑๐,๐๖๕ ล้านบาท  ๓.กระทรวงการคลัง ๒๘๕,๒๓๐  ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๑๑,๖๒๗ ล้านบาท ๔.กระทรวงกลาโหม ๑๙๗,๒๙๒ ล้านบาท ลดลง ๔,๓๗๓ ล้านบาท ๕.กระทรวงคมนาคม ๑๘๐,๕๐๒ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๗,๓๓๗ ล้านบาท ๖.กระทรวงสาธารณสุข ๑๕๖,๔๘๐ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๒,๓๗๙  ล้านบาท ๗.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๑๒๖,๐๖๗ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๑๖,๒๑๔ ล้านบาท ๘.กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ๑๒๔,๗๔๘ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๑,๓๐๑  ล้านบาท ๙.กระทรวงแรงงาน ๕๔,๓๓๘ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๔,๖๓๖ ล้านบาท ๑๐.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  ๓๐,๖๓๘ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๒,๕๒๗ ล้านบาท

อย่างที่ทุกคนทราบดีว่าก่อนหน้าการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี ๖๖ รอบนี้ บรรดาฝ่ายค้านฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลประกาศชัดเจนว่าจะคว่ำร่างให้ตกล้มนายกฯลงให้ได้ อย่างน้อยหัวหน้าและเลขาธิการพรรคเพื่อไทยแกนนำพรรคก้าวไกล ก็ส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะล้มร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี ๖๖  ลงให้ได้  อ้างจัดงบประมาณไม่สอดคล้องกับสถานการณ์  จัดงบประมาณเอื้อประโยชน์พรรคการเมือง จัดงบประมาณไม่ตรงกับความเดือดร้อนของประชาชน  จัดงบประมาณไม่สนับสนุนแนวทางการพัฒนาประเทศ ที่ดูจะสอดคล้องกับคำพูดของทักษิณตามใบสั่งของนายใหญ่คนแดนไกล ซึ่งเคยระบุไว้ว่านายกฯประยุทธ์รัฐบาลเรือแป๊ะไม่น่ารอดสันดอนจากเวทีอภิปรายงบประมาณหรืออย่างเก่งเต็มที่ไม่น่าจะเกินพ้นจากศึกซักฟอกอภิปรายไม่ไว้วางใจกลางปีนี้

จับสัญญาณจากคำพูดของทักษิณมั่นใจมากว่าจะล้ม “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ คว่ำรัฐบาลเรือแป๊ะลงได้  ทั้งๆที่ดูจากรายชื่อส.ส.ฝ่ายค้าน ณ ปัจจุบัน ( ข้อมูล ณ วันที่ ๓๑ พ.ค.๒๕๖๕ ) มีเสียงรวมกันแค่ ๒๐๘ เสียงเท่านั้น  มาจากพรรคเพื่อไทย ๑๓๒ คน พรรคก้าวไกล ๕๑ คน พรรคเสรีรวมไทย ๑๐ คน  พรรคประชาชาติ ๗ คน พรรคเพื่อชาติ ๖ คน พรรคพลังปวงชนไทย ๑ คน  พรรคไทยศรีวิไลย์ ๑ คน  ปัจจุบันสภาผู้แทนราษฎรมีส.ส.ทั้งสิ้น ๔๗๗ คน เกินกึ่งหนึ่งที่จะล้มรัฐบาลคว่ำกฎหมายสำคัญได้ต้องมีเสียง ๒๓๙ คน  ฝากฝ่ายค้านฝั่งทักษิณขาดส.ส.ต่ำๆอีก ๓๑ คน เพื่อจะล้มนายกฯคว่ำรัฐบาลได้  ด้วยเหตุนี้ในการลงมติรอบนี้ความสำคัญจึงอยู่ที่ “พรรคเศรษฐกิจไทย” กับ บรรดาส.ส. “พรรคเล็ก” ซึ่งถูกมองว่าเป็นตัวแปรสำคัญในชัยชนะของรัฐบาลหรือพรรคร่วมฝ่ายค้าน  หากสวิงไปทางไหนยกโขยงไปอยู่กับใคร  เชื่อแน่ว่าฝ่ายนั้นมีโอกาสชนะในการลงมติผ่านหรือไม่ผ่านร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี ๖๖ อย่างแน่นอน

ในส่วนรัฐบาลปัจจุบันมีเสียงรวมทั้งสิ้น  ๒๖๙ คน  ประกอบด้วย พรรคพลังประชารัฐ ๙๗ คน พรรคภูมิใจไทย  ๖๒ คน พรรคประชาธิปัตย์ ๕๒ คน พรรคเศรษฐกิจไทย ๑๖ คน พรรคชาติไทยพัฒนา ๑๒ คน พรรคเศรษฐกิจใหม่ ๖ คน พรรครวมพลังประชาชาติไทย ๕ คน พรรคพลังท้องถิ่นไท ๕ คน  พรรคชาติพัฒนา ๔ คน พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย ๒ คน พรรคพลังชาติไทย ๑ คน พรรคประชาภิวัฒน์ ๑ คน  พรรคเพื่อชาติไทย ๑ คน พรรคครูไทยเพื่อประชาชน ๑ คน พรรคพลเมืองไทย ๑ คน พรรคประชาธิปไตยใหม่ ๑ คน พรรคไทรักธรรม ๑ คน  พรรคพลังธรรมใหม่ ๑ คน   หากหักตัวแปรที่ยังไม่แน่นอนอย่างพรรคเศรษฐกิจไทยของ “ผู้กอง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จำนวน ๑๖ คนออกไป  ตัวเลขส.ส.ฝ่ายรัฐบาลก็ยังมีอีก ๒๕๓ คน เกินกึ่งหนึ่งของส.ส.ทั้งหมดในสภาไป ๑๔ คน  เรียกว่ายังเอาตัวรอดไปได้แบบสบายๆ  แต่หากส.ส.พรรคเล็กถอนยวงออกไปด้วยนี้สิฝ่ายรัฐบาลจะมีปัญหากลายเป็นเสียงปริ่มน้ำหรืออาจจะถึงขั้นแพ้โหวตในทันที

ประเด็นปัญหาในตอนนี้คือต่างฝ่ายต่างก็เคลมว่าส.ส.พรรคเล็กอยู่กับเขาเอากับก๊วนตัวเอง  ฝากรัฐบาลก็บอกว่าพรรคเล็กไม่ไปไหนฝั่งฝ่ายค้านก็บอกมีส.ส.พรรคสวิงโหวต เท็จจริงไม่มีใครรู้ว่าฝ่ายไหนใครหลอกใคร ฝ่ายไหนถูกพรรคเล็กหลอก ฝ่ายไหนกันแน่ที่โดนปั่นหัว อภิปรายรอบนี้หลังเวทีคงแจกกล้วยว่อนไปหมดเพราะทุกเสียงสำคัญหมด  ด้านผู้กองธรรมนัสประกาศลั่นกับสื่อพรรคเศรษฐกิจไทยมีส.ส. ๑๖ คนเป็นองค์ประชุม   เมื่อบวกกับกลุ่ม ๑๖ ของพิเชษฐ สถิรชวาล ที่รวมกับพรรคเล็กซึ่งมี ๑๘ คน ตัวเลขกลมๆจะอยู่ที่ ๓๔ คน  นัยยะว่าถ้าไปผสมเทียมกับพรรคฝ่ายค้านที่มี ๒๐๘ คน จะรวมเป็น ๒๔๒ คน  พลิกเกมส์คว่ำงบประมาณล้มพล.อ.ประยุทธ์ได้แน่นอน  แต่ขอถามผู้กองแบบซื่อๆอย่างตรงๆ ประทานโทษ ๑๘ คน  ที่ท่านอ้างว่าเป็นกลุ่ม ๑๖ รวมพรรคเล็กนั้น นับมาจากไหนเอามาอย่างไร  เพราะแกนนำฝ่ายรัฐบาลทั้ง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะผู้จัดการรัฐบาล  “เสี่ยสันติ” สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลังในฐานะเลขาธิการพรรค  “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงานในฐานะผอ.พรรคและมือประสานพรรคเล็ก ประสานเสียงตรงกันพรรคเล็กมาทั้งหมดเหมามาแบบยกแผง  แถมโวตัวเลขยกมือหนุนรัฐบาลเกิน ๒๕๐ คน

ตามข่าวในบรรดาพรรคเล็กที่มีชื่อว่าอาจถูกแจกกล้วยอาจมีรายการสวิงโหวตในการสนับสนุนรัฐบาลมีอยู่ ๑๙ เสียง  ในจำนวนนี้  ๕ คนเป็นส.ส.พรรคพลังท้องถิ่นไทของ “ชัช เตาปูน” หรือ ชัชวาลล์  คงอุดม พันธมิตรที่แน่นแฟ้นของรัฐบาล อีก ๔ คนเป็นผู้แทนของพรรคชาติพัฒนาใต้ปีก “เสี่ยสุวัจน์” สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ผู้กว้างขวางโคราชนักธุรกิจใหญ่หัวหิน เป็นนักการเมืองเก๋าเกมส์มากประสบการณ์เขี้ยวรากทางการเมือง  มีหรือคนอย่างสุวัจน์จะดูไม่ออกแทงหวยไม่ถูกว่าสถานการณ์ตอนนี้ควรอยู่ข้างไหน  พันบาทเอาบาทไม่มีทางที่ส.ส.ในมือสุวัจน์จะเปลี่ยนขั้วไปอยู่กับฝ่ายค้าน อีกคนของส.ส.พรรคเล็กที่เป็นรัฐบาล ๑๐๐ % ก็คือหมอระวี มาศฉมาดล พรรคพลังธรรมใหม่  สรุปเอาง่ายๆแค่นี้ส.ส.พรรคเล็กก็หายไป ๑๐ เสียงแล้ว  เพราะฉะนั้นข่าวที่ผู้กองไปเคลมว่ามีกลุ่ม ๑๖ บวกส.ส.พรรคเล็ก ๑๘ คน  หรือที่ฝ่ายค้านไปคุยฟุ้งว่ามีฝ่ายรัฐบาลพร้อมย้ายขั้วสลับข้างน่าจะโม้ทั้งเพ

แม้การคว่ำร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี ๖๖ ล้มพล.อ.ประยุทธ์จะเป็นเป้าหมายสูงสุดของฝ่ายค้านตามใบสั่งของทักษิณ  แต่อย่าคิดว่าจะทำได้ง่ายๆเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก ประการแรกตามธรรมเนียมการเมืองโดยปกติเขาจะไปไม่ล้มรัฐบาลคว่ำนายกฯในเวทีนี้  เพราะทุกคนรู้ดีว่าเป็นการพิจารณางบประมาณแผ่นดินเป็นการอนุมัติงบประมาณลงไปช่วยเหลือความเดือดร้อนของชาวบ้านเอาเงินลงไปพัฒนาประเทศ  ใครต้านใครล้มใครคว่ำงบประมาณก็จะถูกผู้คนตราหน้าคนไทยด่าไปทั้งชาติว่าเล่นการเมืองไม่นึกถึงชาวบ้านตาดำๆ  ประเทศชาติจะเอาเงินที่ไหนบ้านเมืองจะเอางบประมาณมาใช้กันอย่างไร ถ้าเล่นการเมืองขาดความรับผิดชอบแบบนี้   ประการที่สองดูจากระยะเวลาที่เหลือของพล.อ.ประยุทธ์นับจากนี้อีกไม่ถึง ๑ ปีก็ครบวาระการทำหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎร ๔ ปี ในวันที่ ๒๓ มี.ค. ๒๕๖๖ ต่อให้อยากยื้อไปยาวขนาดไหนยังไงพล.อ.ประยุทธ์ก็ต้องคืนอำนาจจัดการเลือกตั้ง  และแน่นอนว่าพล.อ.ประยุทธ์จะไม่อยู่จนครบเวลา 4 ปีเป๊ะๆ  เพราะจะทำให้ส.ส.ติดเดตล็อคเรื่องการย้ายพรรค  เพราะกฎหมายระบุไว้ว่าต้องเป็นสมาชิกพรรคใน 90 วัน  แต่หากพล.อ.ประยุทธ์เลือกประกาศยุบสภาก็จะทำให้เงื่อนไขเวลาย้ายพรรคของส.ส.หดลงมาเหลือเพียงแค่ 30 วัน ซึ่งเพียงพอให้ส.ส.สามารถย้ายพรรคใหม่ไปอยู่กับใครก็ได้โดยไม่ติดเงื่อนไขเรื่องเวลา  เพราะฉะนั้นบวกลบคูณหารหรือเวลาไม่ถึงปี เผลอไม่ถึง ๑๐ เดือนก็จะเลือกตั้งทั่วไปกันแล้ว  จะมาคว่ำงบประมาณเพื่อกดดันให้นายกฯยุบสภาหรือลาออกเพื่อเปลี่ยนรัฐบาลใหม่มันไม่ใช่เรื่องไม่มีใครบ้าเขาทำกัน ยกเว้นพวกหน้ามืดตามัวหิวแสงกระหายอำนาจ

ประการที่สามต่อให้พรรคฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคเศรษฐกิจไทยและตัวผู้กองอยากจะโค่นพล.อ.ประยุทธ์ขนาดไหนอยากจะจมเรือแป๊ะเพียงใด แต่ก็ต้องพึ่งส.ส.พรรคเล็ก ด้วยเสียงของตัวเองไม่มีปัญญาทำได้ ประเด็นเรื่องนี้ก็คือพรรคเล็กก็ไม่อยากตัดโอกาสตัวเองไม่อยากไปพึ่งน้ำบ่อหน้า  อยู่เป็นส.ส.เป็นผู้ทรงเกียรติดีๆอย่างน้อยอีกเกือบ ๑ ปี รับเงินเดือนบี้ยประชุมไปยาวๆไม่ดีกว่าหรือ   จู่ๆจะมาตัดช่องน้อยแต่พอตัวล้มนายกฯคว่ำรัฐบาลให้มีการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ แล้วมั่นใจอย่างไรว่าจะได้กลับมาเป็นผู้แทนคัมแบ๊กมาทำงานในสภาหินอ่อนอีกครั้ง  อย่าลืมว่าส่วนใหญ่ที่เข้ามาเป็นส.ส.ได้ก็เพราะวิธีการเลือกตั้งแบบบัตรใบเดียว คิดคะแนนแบบจัดสรรปันส่วนผสม มีเพดานส.ส.แต่ละพรรค  มีส.ส.พึงมี  ทุกคะแนนไม่ตกน้ำ ทั้งหลายทั้งปวงก็มาจากสูตรคิดคำนวณที่พล.อ.ประยุทธ์ไฟเขียวเคาะมาให้ทั้งนั้น  ส.ส.พรรคเล็กผู้แทนตัวน้อยถึงได้อานิสงส์ลืมตาอ้าปากมานั่งในสภา  ถ้าใช้สูตรเลือกตั้งแบบเก่าเหมือนปี ๔๐ บัตรเลือกตั้ง ๒ ใบ คิดคะแนนปาร์ตี้ลิสต์แบบเก่ามีหวังตกยกโหลไม่มีทางได้มาปฏิญาณตัว  ประการที่ ๔ สืบเนื่องจากเรื่องของการเลือกตั้ง ตอนนี้เรื่องการคิดคำนวณส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อยังไม่ตกผลึก แม้กมธ.วิสามัญพิจารณากฎหมายลูก ๒ ฉบับ จะเคาะสูตร ๑๐๐ หาร สรุปส่งถึงมือชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาต่อในวาระ  ๒ และ ๓ ที่เบื้องต้นกำหนดไว้ในวันที่ ๙-๑๐ มิ.ย.นี้  ตรงนี้บรรดาส.ส.พรรคเล็กก็ยังหวังปาฏิหาริย์ยังมีโอกาสลุ้นยื่นหมูยื่นแมวกับรัฐบาล หรือทำให้นายกฯเห็นใจสลับกับมาใช้สูตร ๕๐๐ หาร หรือไปคิดหาสูตรวิธีอื่นเพื่อให้พรรคเล็กได้ไปต่อหรือไม่ให้พรรคเล็กสูญพันธุ์  หรือถ้าต้องยืน ๑๐๐ หารในระบบบัญชีรายชื่อจริงๆ ก็อาจเลือกใช้วิธีอุ้มส.ส.พรรคเล็กเหล่านี้ไปอยู่พรรคตัวเองให้ลงเขตหรือลงปาร์ตี้ลิสต์ก็ได้  ในลักษณะน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า

สรุปก็คือทางรอดทางหนีตายของพล.อ.ประยุทธ์ของรัฐบาลมีอีกเยอะ นี้ยังไม่นับรวมแผนลับไม้เด็ด “งูเห่า-งูฝาก” ของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ก่อนหน้านี้ช่วงสภาล่มหนักๆสมัยประชุมสภารอบก่อน  เจ้าตัวเคยงัดโพยลับที่ซุกในกระเป๋ากางเกงมาอวดพล.อ.ประยุทธ์มายันกับแกนนำรัฐบาล ท่านไปต่อได้ไม่ต้องกลัว  เชคแล้วเรามีเสียงในมือ ๒๖๐ คนขึ้นไปสนับสนุนนายกฯไปต่อผลักดันรัฐบาลให้เดินหน้า ไม่รู้รอบนี้จะได้ใช้ไม้เด็ดของเสี่ยหนูไหม  ดูจากตัวช่วยในมือนายกฯ รวมถึงเสียงของส.ส.พรรคเล็กแม้แต่เสียงของผู้กอง อาทิตย์ก่อนอาจขึงขังแต่ ๒-๓ วันมานี้ดูอ่อนระทวยเรื่องล้มรัฐบาล    โหวตอภิปรายพ.ร.บ.งบประมาณปี ๖๖ วาระแรกดึกคืนนี้ ๔ ทุ่ม  ส.ส.พรรคเล็กเอาไง  ใครผ่านใครไม่เห็นด้วยใครงดออกเสียง   แต่สุดท้ายยังไงงบประมาณปี ๖๖ วาระแรกของบิ๊กตู่ก็ผ่านฉลุยรัฐบาลได้ไปต่อแน่นอน  ค่อยไปลุ้นกันอีกยกตอนศึกซักฟอกเร็วๆนี้

/////////////////

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เมืองพัทยา เปิดตัวป้ายจอ LED วอล์คกิ้งสตรีทโฉมใหม่ สุดอลังการ ตอบโจทย์เมืองท่องเที่ยวระดับโลก
รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ จัดกิจกรรมวันคล้ายวันสถาปนา ครบรอบปีที่ 28
สงขลา เปิดม่าน “เมืองแห่งป้อมปราการสู่มรดกโลก”
เมืองคอนจัดโครงการมอบโฉนดที่ดินทั่วไทย นำสุขคลายทุกข์ให้ประชาชน
ร้อยเอ็ด รมว.ท่องเที่ยว โชว์โดด “Zipline Roi Et Tower”แลนด์มาร์กสุดท้าทายใหม่แห่งอีสาน
เลย ประเมินตำบลยั่งยืนบ้านป่าเป้า ต.ปากปวน

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​