นับถอยหลังเหลือเวลาอีกไม่นานก็จะถึงศึกใหญ่ที่ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลตั้งตารอ ภายหลังได้ฤกษ์เปิดประชุมสภาสมัยสามัญประจำปี 2565 ครั้งที่ 1 ตั้งแต่ 22 พ.ค. 2565 ที่ผ่านมา โดยมี 3 ศึกใหญ่ที่เป็นประเด็นร้อนรอต่อคิวพิจารณาในสภาอยู่ประกอบด้วย การพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณประจำปี 2565 ระหว่างวันที่ 31 พ.ค.- 2 มิ.ย. จากนั้นจะเป็นการพิจารณากฎหมายลูก 2 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ประกอบด้วย พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งกำหนดพิจารณาวาระ 2 และ 3 ในวันที่ 9-10 มิ.ย.นี้ และปิดท้ายด้วยการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนนตรีเป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญ ม.151 ที่ฝ่ายค้านกำหนดว่าจะยื่นประมาณกลางเดือนมิ.ย.หลังผ่านกฎหมายลูกแล้วเสร็จ และคาดว่าจะบรรจุวาระศึกซักฟอกได้ประมาณปลายเดือนมิ.ย.หรือต้นก.ค.
นับเป็น 3 ศึกใหญ่ศึกสำคัญที่ชี้เป็นชี้ตายชี้อนาคตรัฐบาลและเส้นทางเดินของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหมอย่างแท้จริง ว่าจะไปต่อได้หรือไม่และไปอย่างไร เพราะทั้ง 3 ศึกใหญ่ที่ว่าสามารถชี้ชะตาเห็นอนาคตของพล.อ.ประยุทธ์ได้เลย ว่าจะจอดป้ายแค่นี้หรือได้ไปต่อจนครบเทอม โดยเฉพาะกับการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณร่ายจ่ายประจำปี 2566 ที่ถ้าไม่ผ่านหรือถูกคว่ำนายกฯมีทางเลือกแค่ 2 สถานเท่านั้นไม่ “ยุบสภา” ก็ต้อง “ลาออก” เช่นเดียวกับอภิปรายไม่ไว้วางใจที่หากไม่ไว้วางใจมากกว่ากึ่งหนึ่งนายกฯก็ต้องแสดงความรับผิดชอบเช่นกัน เพราะฉะนั้นไม่แปลกที่ 2 ศึกใหญ่เที่ยวนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านจึงหมายมั่นปั่นมือใช้เป็นเวทีโค่นล้มพล.อ.ประยุทธ์ให้จงได้ เพราะสถานการณ์และปัจจัยแวดล้อมก็เอื้ออำนวยให้เหลือเกิน ทั้งเศรษฐกิจตกต่ำ ข้าวยากหมากแพง โควิด-19 ยังระบาด คนตกงาน ฯลฯ ขณะที่ประเด็นการเมืองก็ไม่เป็นใจกับนายกฯและฝ่ายรัฐบาลเลย สนามเลือกตั้งกทม.ล่าสุดก็แพ้ยับไม่มีชิ้นดี ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ฝ่ายรัฐบาลพ่ายด้วยคะแนนต่ำอย่างมากชนิดน่าใจหาย ส.ก.พรรคพลังประชารัฐแพ้หลุดลุ่ย กระแสรัฐบาลตกต่ำ ความนิยมชมชอบนายกฯอยู่ขาลง
สารพัดเหตุผลประกอบกันจึงทำให้ฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยคอกทักษิณกระหยิ่มยิ้มย่องกับสถานการณ์ในตอนนี้เป็นอย่างมาก จึงไม่แปลกที่ขั้วทักษิณฝั่งเพื่อไทยจะโหมโรงออกมาเคลื่อนไหวล้มรัฐบาลโค่นพล.อ.ประยุทธ์ในเที่ยวนี้กันอย่างคึกคัก โหนกระแสอาศัยชัยชนะเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.แบบถล่มทลาย 1.38 ล้านคะแนนของชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผสมกับกรณีที่กวาดส.ก. 50 เขตไปเฉียดครึ่ง เที่ยวนี้จึงเสียงดังโม้ได้มากหน่อย อาศัยแรงเหวี่ยงจากสนามกรุงเทพฯ หวังกระแสต่อยอดไปถึงขั้นล้มรัฐบาลหักขาเก้าอี้พล.อ.ประยุทธ์ ถึงขนาดส.ส.น้ำดีดาวสภาอย่างหมอชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยอมทำลายอุดมการณ์ทำเพื่อชาวบ้าน ประกาศล้มพ.ร.บ.งบประมาณปี 66 หน้ามืดตามัวจะล้มบิ๊กตู่ตามใบสั่งนายใหญ่คนแดนไกลให้จงได้ ชาวบ้านเดือดร้อนรองบประมาณจากรัฐบาลอนุมัติจากสภาจะไปช่วยเหลือก็ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมกันแล้ว กระเหี้ยนกระหือรือจะล้มนายกฯคว่ำรัฐบาลเปลี่ยนหน้าคนทำงานไปเป็นรัฐบาลพรรคเพื่อไทยกันให้ได้ตั้งแต่ตอนนี้
ลำพังแค่ฝ่ายค้านกับพรรคเพื่อไทย บิ๊กตู่กับบิ๊กป้อมคงไม่ยี่หระเท่าไหร่ แต่ล่าสุดดันมีตัวแปรใหม่อย่างพรรคเศรษฐกิจไทยของ “ผู้กอง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ล่าสุดประกาศแตกหักกับ “บิ๊กน้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา หัวหน้าพรรคกันไปแล้วแบบทางใครทางมัน แถมออกมาสับกันเละอัดกันนัวเรื่องจุดยืนทางการเมืองของแต่ละคน ฝ่ายร.อ.ธรรมนัสอัดบิ๊กน้อยอ่อนหัดทางการเมือง ไม่ประสาเรื่องช่วยเหลือชาวบ้าน อยู่แต่ในกรมในกองมองไม่ออกว่าข้างนอกแท้จริงเป็นอย่างไร ด้านบิ๊กน้อยสวนกลับแบบแสบสันต์ตลบตะแลงไม่เป็นคำพูด มองคนผิดไปจริงๆ เบื้องต้นคิดว่าตั้งใจทำงานเพื่อชาวบ้าน แต่สันดานแท้จริงทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง หน้ามืดตามัวจะคว่ำประยุทธ์ล้มรัฐบาลลงให้ได้ ทั้งๆที่เหลืออีกไม่นานก็เลือกตั้งปล่อยผีกันแล้ว มองแต่ประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง ชีวิตคนเราตายไปเอาไปไม่ได้ซักอย่าง ระหว่างบิ๊กน้อยกับผู้กองจากนี้ผีไม่เผาเงาไม่เหยียบได้บทเรียนกันไป โชคดีของนายกฯและรัฐบาลที่เรื่องนี้ “ความแตก” เสียก่อน คนไทยจึงได้รู้เช่นเห็นชาติของผู้กองแบบเต็มๆ ในใจไม่มีอะไรเลยนอกจากล้มประยุทธ์คว่ำลุงตู่ เผยธาตุแท้ยืนข้างทักษิณตั้งแต่แรกแบบเต็มๆ
ล่าสุดฝ่ายผู้กองดอดคุยพรรคเล็กหวังใช้บรรดาผู้แทนตัวจ้อยล้มจ่าฝูงบูรพาพยัคฆ์ให้ได้คาสภา บรรดาส.ส.พรรคเล็กก็ได้ทีเอาคืนนายกฯเอากับรัฐบาล หลักถูกหักมาหลายครั้งผิดหวังกันมาก็หลายหน เที่ยวนี้เลยเล่นตัวหวังเอาคืนที่ถูกมองข้ามไปหลายที เพราะรู้ดีคะแนนเสียงของรัฐบาลไม่ถึง เรือแป๊ะของบิ๊กตู่มีกำลังพลไม่พอ รอบนี้เลยได้ทีขี่แพะไล่ ให้สัมภาษณ์กดดันนายกฯหลอนรัฐบาลแบบสุดๆ ระวังเสียงผู้แทนจะไม่พอ นับคะแนนมือส.ส.อาจไม่ถึง ได้เวลารุมทึ้งพรรคเล็ก นาทีทองของส.ส.ปัดเศษ ฝ่ายร.อ.ธรรมนัสก็ออกมาโอ้คุยโม้กับนักข่าวในสภา เฉพาะพรรคเศรษฐกิจไทยมีเสียงในมือตอนนี้ 16 คนที่เป็นองค์ประชุมในสภา แต่เสียงนอกมือที่นับเป็นครอบครัว ทั้งส.ส.รัฐบาลและผู้แทนฝ่ายค้านมีอีกบาน นับกลุ่ม 16 ของพิเชษฐ สถิรชวาล เข้าไปอีก 18 คน ตอนนี้ก็มีเกือบ 40 คน ขย่มรัฐบาลได้แน่ล้มบิ๊กตู่ได้สบาย ทั้งหลายทั้งมวลที่ออกมากันให้ฮึ่มในตอนนี้ คอการเมืองทุกคนรู้ดีได้เวลา “เคาะกะลา” ถึงโอกาส “หาเบี้ยเข้ากระเป๋า” แล้ว ฝ่ายจ้องล้มนายกฯไม่แคล้วต้องขอกล้วยจากเจ้าของสวนนายใหญ่คนแดนไกล ปีก่อนช่วงซักฟอก 31 ส.ค.- 4 ก.ย.2564 ข่าวว่าได้มา 2 พันล้านแล้ว แต่ทำไม่สำเร็จเพราะบิ๊กตู่คนดีผีคุ้มจับทุจริตได้ก่อน เจอแผนทรยศได้ไวเลยแก้เกมส์ได้ทัน มาเที่ยวนี้ตั้งใจเปิดหน้าชนหวังโชว์ผลงานให้นายใหญ่เห็นฝีไม้ลายมือแบบเต็มๆ จะได้เอาไปเคลมรางวัลได้ง่ายๆ ถ้าล้มบิ๊กตู่ได้สำเร็จ ข่าวว่าดีลลับที่คุยกับนายใหญ่มี 4 ขั้น 1.คว่ำตู่ 2.ย้ายข้าง 3.ผสมพันธุ์ (เอาเศรษฐกิจไทยไปรวมกับเพื่อไทย) 4.ตบรางวัลรองหัวหน้าพรรคบวกรมต.เกรดเอ ถ้าเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล เท็จจริงไม่รู้แต่พูดกันให้สนั่นวงการเป็นแบบนี้
ร.อ.ธรรมนัสจับมือพรรคเพื่อไทยเที่ยวนี้วางเดิมพันสูง เพราะประกาศเปิดหน้าท้าชนกันเต็มๆ พี่ที่รักเจ้านายที่เคารพก็ไม่สนเอาไม่อยู่กันแล้ว เรื่องเดินเกมส์ร.อ.ธรรมนัส พรรคเพื่อไทย นายใหญ่ทักษิณ อาจคิดได้ฝันไปไกล แต่เรื่องจริงบอกเลยคว่ำประยุทธ์ล้มลุงตู่ไม่มีทางทำได้จริง เพราะบิ๊กตู่วันนี้ไม่ใช่หมูตู้ไม่ใช่มวยใหม่ให้จามศอกฟันหัวเล่นกันง่ายๆ ควบคุมอำนาจกับบริหารประเทศมา 8 ปีเต็มๆ เหลี่ยมคูการเมืองเขี้ยวรากดินก็พอกพูนขึ้นพอสมควร จะให้มาเคี้ยวเล่นง่ายๆไม่มีทาง ลำพังเสียงรัฐบาลตอนนี้ก็พ้นน้ำแล้ว เพราะมีในมือ 252 เสียง เกินกึ่งหนึ่ง 238 คนของสภาผู้แทนราษฎรที่ตอนนี้มีส.ส. 476 คน ไป 14 เสียงแล้ว ไอ้ที่ออกข่าวว่ากลุ่ม 16 จับมือกับพรรคเล็ก มีส.ส.ในมือ 16+2 รวมกันเป็น 18 คน ถ้าไปรวมกับพรรคเศรษฐกิจไทยของผู้กองที่มี 16 คน บวกพรรคร่วมฝ่ายค้านอีก 209 คน รวมกันเป็น 243 คน หยุดประยุทธ์ล้มรัฐบาลได้ บอกเลยโม้ทั้งเพ เอาแค่ก๊วนพรรคเล็กในกลุ่ม 18 คน อย่าคิดว่าจะไปกับผู้กองทั้งหมด เพราะแกนนำรัฐบาลทั้งนิโรธ สุนทรเลขา ประธานวิปรัฐบาล กับ ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลฯ ก็สวนกลับหลายคนอยู่กับรัฐบาล แต่มีการเอาไปตีกินเหมาเข่งว่าไปกับฝ่ายค้านหมด “ชนะใสๆ ชนะชิลด์” คือประโยคที่แกนนำรัฐบาลระบุ ทีเด็ดนายกฯไม่ได้มีแค่ก๊อกนี้เท่านั้น หากพรรคเล็กโดนแจกกล้วยหลงผิดต้องมนตร์ผู้กอง พล.อ.ประยุทธ์ยังมีก็อกสองเป็นไม้เด็ดเอาตัวรอดไปได้อีกอย่าง อย่าลืม “โพยงูเห่า” ของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยังไม่ถูกงัดออกมาใช้เลยสักครั้ง
ย้อนอดีตกลับไปช่วงต้นปี 11 ก.พ.2565 เกิดกรณีสภาล่มซ้ำซาก พล.อ.ประยุทธ์เรียกคีย์แมนรัฐบาลหารือวงเล็ก ประกอบด้วย “บิ๊กป็อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย “เสี่ยโอ๋” ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เลขาธิการพรรคภิใจไทย , ชัยวุฒิ , “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน มาหารือเพื่อหาทางออก ระหว่างพูดคุยนายกฯ เปรยว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี รัฐบาลมีทางเลือกไม่มาก “ท่านนายกฯมีทางเลือกเดียวคืออยู่ครบเทอม และไม่ต้องห่วงจำนวน ส.ส. หากมีการซักฟอกฝ่ายค้านจะรวมเสียงได้ไม่ถึงกึ่งหนึ่ง มั่นใจว่าเสียงสนับสนุนนายกฯมีไม่น้อยกว่า 260 เสียงแน่นอน” พูดเรื่องนี้จบ เสี่ยหนูงัดโพยที่จดจำนวน ส.ส.ของฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลที่พกติดตัวออกมาแสดงให้บิ๊กตู่ดู จำนวน 260 คนมาจากส่วนใดบ้าง โดยไม่ได้นับรวมกับเสียงของพรรคเศรษฐกิจไทย เท็จจริงเรื่องนี้ไม่มีใครรู้ว่าโพยที่เสี่ยหนูเอามากางให้นายกฯดูเชื่อได้มากน้อยขนาดไหน แต่จับสัญญาณที่ช่วงนั้นทักษิณ ชินวัตร ออกมาบ่นตะพึดตะพือแบบหัวเสีย ในทำนองว่า “ ผมได้ข่าวมาว่า ตอนนี้ ส.ส.ฝ่ายค้านโดนวัคซีนไล่ฉีดกันเป็นแถวเลย ฉีดด้วยวัคซีนเลยนะ 30 ล้าน 20 ล้าน ฉีดกันใหญ่ จะเตรียมย้ายพรรค นี่ผมเตือนไว้นะ วันก่อนเนี่ยมี ส.ส.พรรคเพื่อไทย ไปร่วมประชุมกับฝ่ายรัฐบาลอยู่ ผมก็ได้ยิน ผมรู้ชื่อใครด้วย แจกรายเดือนคนละ 2 แสน ไม่รู้ไปเอาเงินที่ไหนมา ผมอยู่ดูไบแต่รู้หมดนะ” ดูจากที่ทักษิณพูดก็คงพอเชื่อได้ว่าโพยงูเห่าของเสี่ยหนูมีน้ำหนักคงเป็นของจริงไม่ได้ไก่กา ไม่อย่างนั้นนายใหญ่นักโทษหนีคดีคงไม่เต้นเป็นไส้เดือนถูกน้ำร้อนลวก 10-12 คน คงมีอยู่ในมือจริงๆ จะได้งัดมาช่วยบิ๊กตู่ในเที่ยวนี้หรือปล่าวยังไม่รู้ แต่บอกได้เลยเรื่องคว่ำประยุทธ์ล้มบิ๊กตู่สับขั้วรัฐบาลเที่ยวนี้ แค่นิยายเรื่องเก่าฝันกลางวันของนักโทษดูไบเท่านั้นเอง
////////////////////////////