แม้หลายคนจะคิดไว้แล้วว่าการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.รอบนี้ ตัวเก็งเต็งหามที่มีลุ้นเป็นผู้ว่าฯกทม.คนที่ 17 และเป็นผู้ว่าฯกทม.คนที่ 8 ที่มาจากการเลือกตั้งโดยฉันทามติของคนกรุงเทพ มีแนวโน้มสูงยิ่งที่หวยจะไปออกที่ “เสี่ยทริป” ชัชชาติ สิทธิ์พันธุ์ ผู้สมัครอิสระ หมายเลข 8 ที่ก่อนหน้านี้โพลล์ทุกสำนักทุกวงการเทคะแนนให้เป็นผู้สมัครที่มีคะแนนนำลิ่วจากการสำรวจความนิยมของประชาชน ไม่ว่ากี่ครั้งต่อกี่ครั้งชื่อของชัชชาติก็นำมาตลอด แถมนำลิ่วและนำห่างอันดับรองๆลงมาแบบไม่เห็นฝุ่น แต่นั้นเป็นแค่โพลล์ไม่มีใครจะเชื่อว่าเมื่อเวลาจริงมาถึงชัชชาติจะถึงห่างจะชนะคู่แข่งทุกคนได้แบบมหาศาลถล่มทลาย
แต่ 22 พ.ค. 2565 ก็กลายเป็นประวัติศาสตร์อีกครั้งของคนกรุง หลังปิดหีบการเลือกตั้งในช่วงห้าโมงเย็น ผลปรากฎว่าการนับคะแนนจากทุกเขตคะแนนของชัชชาติเบอร์ 8 นำลิ่วนำโด่งนำขาด ทิ้งห่างผู้สมัครหมายเลขอื่นชนิดไม่เห็นฝุ่น ก่อนที่ช่วงหัวค่ำผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ รายงานออกมาตรงกันทุกสำนักชัชชาติได้เป็นผู้ว่าฯกทม.คนใหม่ ด้วยคะแนนเสียงถล่มทลายแบบแลนด์สไลด์ถึง 1,386,769 คะแนน ทุบสถิติเก่าที่ “คุณชายหมู” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร จากพรรคประชาธิปัตย์เคยทำได้ 1,256,349 คะแนน เกือบ 1.3 แสนคะแนน ทิ้งห่างผู้สมัครที่ได้อันดับ 2 อย่าง “ดร.เอ้” สุชัชชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ จากพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้ 254,723 คะแนน แบบคนละชั้นกัน ขณะที่อันดับ 3 เป็นของ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร พรรคก้าวไกล 253,938 คะแนน อันดับ 4 สกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครในนามอิสระ 230,534 คะแนน ส่วน “บิ๊กวิน” พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อดีตผู้ว่าฯกทม.ที่สมัครในนามอิสระ ตามมาเป็นอันดับ 5 ที่ 214,805 คะแนน ลำดับที่ 6 เป็นของรสนา โตสิตระกูล ผู้สมัครอิสระ 79,009 คะแนน และ อันดับ 7 เป็นของ “ผู้พันปุ่น” น.ต.ศิธา ทิวารี พรรคไทยสร้างไทย 73,926 คะแนน
จะเห็นได้ว่าคะแนนของผู้สมัครในลำดับรองๆลงมา ตั้งแต่ 2- 7 เอามาผูกรวมกันทั้งหมดยังไม่ชนะชัชชาติเลย ขณะที่ผู้สมัครที่ถูกมองว่าอยู่ฝ่ายรัฐบาลมีพรรครัฐบาลสนับสนุน 3 คน อย่าง “สกลธี-สุชัชชวีร์-อัศวิน” ที่ช่วงโค้งสุดท้ายพยายามเสนอแนวทางโหวตเชิงยุทธศาสตร์ ด้วยการทิ้งคะแนนไปให้คนที่มีคะแนนมากที่สุดก็ได้คะแนนน้อยแบบน่าใจหาย เพียง 2 แสนคะแนนเศษเท่านั้น บวกกัน 3 คนยังได้แค่ครึ่งเดียวของชัชชาติเลย อนาถใจแท้ที่เที่ยวนี้คนกรุงเทผู้สมัครฝ่ายรัฐบาลลงคะแนนสวนตรงข้ามผู้บริหารประเทศแบบเต็มๆ ยิ่งไปดูตัวเลขการลงคะแนนของสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ยิ่งไปกันใหญ่ เพราะพรรครัฐบาลรวมกันได้ส.ก.แค่ 11 คนเท่านั้นคือ พรรคพลังประชารัฐ 2 คน พรรคประชาธิปัตย์ 9 คน จากทั้งหมด 50 คนจาก 50 เขต โดยที่เหลือตกเป็นของพรรคเพื่อไทยที่กวาดส.ก.รอบนี้ไปถึง 20 คน พรรคก้าวไกล 14 คน พรรคไทยสร้างไทย 2 คน และ กลุ่มรักษ์กรุงเทพ 3 คน
ที่สุดพรรคเพื่อไทยก็ยึดสนามเลือกตั้งกรุงเทพมหานครรอบนี้ไปแบบเบ็ดเสร็จ โดยผู้ว่าฯกทม. แม้โดยนิตินัยชัชชาติจะประกาศว่าตัวเองเป็นผู้สมัครอิสระ แต่โดยพฤตินัยทุกคนรู้ดีว่าชัชชาติมีพรรคเพื่อไทยฝ่ายทักษิณสนับสนุนดุนหลังอยู่ ขณะที่ส.ก.ของพรรคเพื่อไทยต้องบอกว่าเป็นผลงานของพรรคแบบเต็มๆ ที่กลับมาลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง หลังไม่มีการเลือกตั้งส.ก.มานานถึง 12 ปีตั้งแต่ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2553 ที่รอบนี้สนามส.ก.พรรคเพื่อไทยเอาจริงเอาจังมาก ถึงขนาดให้ “อุ๊งอิ๊ง”แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยลงสนามไปช่วยผู้สมัครส.ก.ของพรรคในหลายเขต ขณะที่ช่วงโค้งสุดท้ายก็ปล่อยเเคมเปญประโยคเด็ด “อยากใช้เพื่อไทยเลือกเพื่อไทยให้ชนะขาด” รณรงค์ในช่วงท้ายก่อนการเลือกตั้ง ที่แกนนำพรรคเพื่อไทยก็ออกมาประกาศอ้อนคนกรุง เลือกส.ก.ของพรรคเพื่อไทยแบบแลนด์สไลด์ 25 คนขึ้นไปเพื่อเป็นการนับหนึ่งในสนามเลือกตั้งเมืองหลวง ก่อนนำไปต่อยอดแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดินต่อไปในอนาคต
ชัยชนะของชัชชาติที่คว้าเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม. รวมถึงส.ก.พรรคเพื่อไทยที่ครองแชมป์เที่ยวนี้ ต้องบอกว่าเป็นการรุกคืบกลับมาทวงอำนาจในกรุงเทพอย่างชัดเจน ก่อนหน้านี้ก็ส่งสัญญาณในการเลือกตั้งซ่อมเขต 9 กทม. ย่านหลักสี่ดอนเมือง ที่สุรชาติ เทียนทอง ชนะเลือกตั้งซ่อมล้มเมียสิระมาแล้ว มาคราวนี้ชัชชาติผงาดขึ้นผู้ว่าฯกทม. ส.ก.พรรคเพื่อไทยยึดศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ทักษิณยิ้มไม่หุบข้างฝ่ายตระกูลชินฉลองชัย เพราะเป็นครั้งแรกที่หุ่นเชิดตัวแทนของฝ่ายทักษิณนั่งเป็นผู้ว่าฯกทม.ได้สำเร็จ หลังจากล่องจุ๊นมาแล้ว 5 ครั้งตลอด 24 ปีที่เข้ามาเล่นการเมืองไล่ตั้งแต่ “เจ๊หน่อย” สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ , “เจ๊ปิ๊ก” ปวีณา หงสกุล ,ประภัสร์ จงสงวน , “พี่แซม” ยุรนันท์ ภมรมนตรี และ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ก่อนจะมาประสบความสำเร็จในคราวนี้จากชัชชาติ ที่แน่นอนว่าความสำเร็จชนิดถล่มทลายครั้งนี้ ทักษิณสั่งลูกน้องเดินเกมส์ต่อยอดจากสนามเมืองหลวงไปสู่ทั่วประเทศอย่างแน่นอน เพราะเป้าหมายของนายใหญ่คนแดนไกลอยู่ที่การชนะการเลือกตั้งทั่วไป 250 คนทั่วประเทศ พรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เสนอชื่ออุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ จากนั้นค่อยไปสู่การออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมพาพ่อกลับบ้านแบบเท่ห์ๆ
จบเลือกตั้งรอบนี้ คนกรุงคนเมืองหลวงเตือนสติตบหน้ารัฐบาลฉาดใหญ่เขกกบาล 3 ป.แบบเต็มๆ เป็นรัฐบาลมีอำนาจในมืออยู่แท้ๆ ดันปล่อยให้เก้าอี้ผู้ว่าฯกทม.หลุดมือ ส.ก.ส่วนใหญ่ตกไปเป็นของฝ่ายค้านฝ่ายตรงข้ามเสียอย่างนั้น ไม่บ้าก็โง่เป็นรัฐบาลแบบไหนบริหารอำนาจกันอย่างไร เรื่องพวกนี้ถึงไม่ใส่ใจไม่นำพาเอามาคิด มัวแต่ทะเลาะกัดกันเอง มัวแต่กอบโกยผลประโยชน์เข้ากระเป๋า จนลืมรักษาฐานการเมืองของตัวเอง มีอย่างที่ไหนเลือกตั้งทั่วไปคราวที่แล้ว 24 มี.ค.2562 พรรคพลังประชารัฐได้ส.ส.ในกรุงเทพ 30 เขต 30 คน คว้าไปถึง 12 คนมากที่สุดคราวที่แล้ว มีคะแนนในกทม.สูงถึง 791,821 คะแนน มารอบนี้ตัวผู้ว่าฯกทม.ก็ไม่ส่ง ส.ก.ส่งไป 50 เขตชนะได้แค่ 2 เขตเท่านั้น พูดแบบแรงๆ ขายหน้าเขาฉิบหาย แพ้หมดรูปอย่างนี้ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคต้องทำอะไรบ้างแล้ว อย่างน้อย “เสี่ยโต” อภิชัย เตชะอุบล หัวหน้าทีมกทม.ก็ต้องโดนลงดาบ เพราะส.ก.แพ้ย่อยยับเสียรังวัดพรรคหมด ดูอย่างพรรคก้าวไกลแม้วิโรจน์จะไม่ได้เป็นผู้ว่าฯกทม. แต่ส.ก.ของพรรคก็เหมาเข่งมาได้ถึง 14 คน เหมาะสมกับที่ได้แชมป์คะแนนดิบกทม.จากการเลือกตั้งคราวที่แล้ว 804,217 คะแนน ขณะที่พรรคเพื่อไทยรอบก่อนสนามกทม.ส่งส.ส.แค่ 22 เขต เพราะเปิดทางให้พรรคลูกอย่างพรรคไทยรักษาชาติลงแข่งแต่ดันถูกยุบไปก่อนเลือกตั้ง ถึงกระนั้นก็ได้คะแนนมาถึง 604,699 คะแนน ได้ส.ส.ไป 9 คน รอบนี้ก็กลับมากวาดส.ก.ไปได้อีก 20 คน
พรรคส้มล้มเจ้า พรรคแดงทุนนิยมสามานย์รุกคืบทางการเมือง ตอนนี้ฮุบเมืองหลวงได้ใจคนกรุงไปแล้วแบบเต็มๆ เรื่องพรรค์อย่างนี้ 3 ป. อย่าง “ประวิตร-อนุพงษ์-ประยุทธ์” รู้สึกอย่างไรมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง ฝ่ายความมั่นคงรู้ร้อนรู้หนาว กองทัพตามข่าวแล้วเตรียมการรับมือกับเรื่องพวกนี้กันบ้างไหม ล้มเจ้ากำลังกลับมา ทุนชั่วช้ากำลังผงาด ทำการเมืองคิดสั้นๆไม่มองการณ์ไกล ไม่คิดยาวๆ วันนี้มัวแต่ยุ่งกับอย่างอื่น คอกทักษิณพรรคตระกูลชินตีเมืองหลวงแตกย่อยยับหมดแล้ว เลือกตั้งทั่วไปเหลือเวลาเต็มที่ไม่ถึงปี ตกลงจะเอาอย่างไรจะไปต่อไหมหรือพอแค่นี้ ถ้าวิเคราะห์ตามที่หมอระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ เคยออกปากเตือนระวังบันได 6 ขั้นของทักษิณ ระวังนายใหญ่คนแดนไกลกินรวบประเทศภายใน 6 คำ ตอนนี้เรียบร้อยไปแล้วครึ่งทาง 3 คำ 3 ขั้น คือ 1. แก้ระบบการเลือกตั้งจากบัตรใบเดียวเป็น 2 ใบ ส.ส.เขตมากขึ้น ส.ส.บัญชีรายชื่อลดลง ไม่มีการคิดคะแนนตกน้ำ ไม่มีเพดานพรรคการเมือง 2.ใช้วิธี 100 หารในการคำนวณส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ตัดพรรรคเล็กตัดส.ส.ปลาซิวปลาสร้อย 3.ยึกผู้ว่าฯกทม. ฮุบส.ก.ในกรุงเทพ ส่วนบันไดที่เหลืออีก 3 ขั้น คือ 4.ล้มนายกฯในสภา พ.ร.บ.งบประมาณ 2566 หรือศึกซักฟอก 5.ชนะการเลือกตั้งทั่วไป 250 คนขึ้นไปตั้งรัฐบาล และ 6. ออกกฎหมายนิรโทษกรรมพาทักษิณกลับบ้าน พ่ายหมดทางสู้แพ้หางจุกตูดแบบนี้ถ้าพล.อ.ประวิตรคิดไม่ได้ว่าต้องทำอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ยังคิดไม่ออกว่าต้องบริหารจัดการรับมือแบบไหน ไอ้ที่อุตส่าห์เอารถถังออกมาวิ่ง เอาทหารออกมาควบคุมอำนาจเมื่อ 8 ปีที่แล้ว 22 พ.ค. 2557 ทุกอย่างที่ทำมาตลอด 8 ปี จะสูญหายว่างเปล่าหมด ที่อุตส่าห์ลงทุนลงแรงมาก็จะกลายเป็นศูนย์ คนกรุงอุตส่าห์สั่งสอนบทเรียนเตือนกันแรงๆแล้ว ถ้าสติ 3 ป.ยังไม่กลับมาก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร เตรียมตัวนับถอยหลังยกประเทศให้ฝ่ายตระกูลชินได้เลย ชัชชาติผู้ว่าฯกทม. อุ๊งอิ๊งนายกฯ ทักษิณกลับมาเมืองไทยแน่
////////////////////////