“บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” เดินกันคนละทาง เคาะสูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ

กมธ.เสียงข้างป้อมเอา 100  ฝ่ายสว.เพื่อนบิ๊กตู่ยืนกรานต้องหาร 500  จับตารอยร้าวใหม่ แค่แตกแยกหรือแตกหัก ระหว่าง “ผู้นำประเทศ” กับ “ผู้จัดการรัฐบาล” กลางกระแสล้มนายกฯ  ปูทาง “นายกฯสำรอง-นายกฯคนนอก” งัดกันรอบนี้ฝ่ายค้านอมยิ้มเข้าทางทักษิณเข้าแผนคนแดนไกล  ไม่เคลียร์กันให้จบนับถอยหลังรัฐบาลส่งประยุทธ์กลับบ้านได้เลย  

หลังจากถกเถียงกันมานานหลายเดือน ล่าสุดวานนี้ 12 พ.ค. คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ก็ได้เวลาในการชี้ขาดวิธีการคิดคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อที่เป็นประเด็นหลักประเด็นสำคัญของการแก้ไขกฎหมายลูกในคราวนี้เสียที  โดยเสียงส่วนใหญ่ของกมธ.เห็นด้วยกับสูตร 100 หาร โดยในที่ประชุมวานนี้มีเสียงเห็นด้วย 32 เสียง ไม่เห็นด้วย 11 เสียง และ งดออกเสียง 2 เสียง เป็นไปตามกระแสข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ว่าแนวโน้มของกมธ.เสียงข้างมาก ต่างแสดงความคิดเห็นยืนอยู่ข้าง 100 หารมาตลอด  โดยเฉพาะกมธ.ที่มาจากพรรคพลังประชารัฐแกนนำรัฐบาล  พรรคประชาธิปัตย์เจ้าของร่าง  รวมถึงพรรคเพื่อไทยที่เป็นฝ่ายค้านแต่สมประโยชน์และเห็นดีด้วยกับเรื่องนี้

 

สุดท้ายทุกอย่างก็เป็นไปตามกมธ.เสียงข้างมาก  ซึ่งความจริงน่าจะเรียกให้ชัดๆไปเลยว่า “กมธ.เสียงข้างป้อม”  เพราะฝากเห็นด้วยกับ 100 หาร ก็ล้วนเป็นแนวร่วมที่เดินตามใบสั่งของพรรคพลังประชารัฐที่มี “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรคล้วนๆ 32 เสียงของกมธ.เสียงข้างมากดูไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ 11 เสียงที่ม่าเห็นด้วยกับ 100 หารต่างหากที่น่าสนใจยิ่งนัก หากไปดูในรายละเอียดของคนที่แอนตี้ไม่เอาสูตรนี้จะพบว่า 2 เสียงเป็นเสียงที่มาจากส.ส.ฝ่ายพรรคการเมือง คือ 1 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกกต.ที่มาในสัดส่วนพรรคเสรีรวมไทย กับ  2 นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ ที่ทั้งสองคนประกาศชัดอยู่แล้วว่าไม่เอา 100 หาร แต่ที่เหลืออีก 9 เสียง นี้ซิที่เป็นประเด็น  เพราะทั้งหมดล้วนเป็นส.ว.เป็นสมาชิกสภาสูง ที่สำคัญยังเป็นกลุ่มที่ถูกมองว่าเป็น “ก๊วนลุงตู่ พวกนายกฯ” ซึ่งได้แก่  พล.ร.อ.พัลลภ ตมิศานนท์  นางกาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์ พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ นางสุวรรณี ศิริเวชชะพันธ์ นางวรารัตน์ อติแพทย์ น.ส.ปิยฉัฏฐ์ วันเฉลิม พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ นายกิตติ วะสีนนท์ และ พล.อ.ต.เฉลิมชัย เครืองาม  ส่วนที่งดออกเสียง 2 คนคือ  นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ในฐานะประธานกมธ. และ นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ส.ว.

เกิดอะไรขึ้นกับการลงมติชี้ขาดการคำนวณคะแนนส.ส.บัญชีรายชื่อเที่ยวนี้  มองแบบการเมืองก็ต้องบอกว่าผู้จัดการรัฐบาลอย่างพล.อ.ประวิตร เปิดศึกหักกับผู้นำประเทศอย่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ อีกแล้ว เพราะอย่างที่ทุกคนรู้ดีว่าสูตรการคิดคำนวณแบบ 100 หาร ถูกมองว่าเป็นคุณเป็นประโยชน์กับพรรคใหญ่มาตลอดไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชารัฐหรือพรรคประชาธิปัตย์  แต่พรรคที่ได้อานิสงส์จากการคิดคะแนนแบบนี้   กลับไม่ใช่พรรคพลังประชารัฐหรือพรรคประชาธิปัตย์ที่วางตัวเป็นหัวหอกแก้ไขเรื่องนี้ยืนสูตร 100 หารมาตั้งแต่ต้น   หากแต่เป็นพรรคเพื่อไทยของทักษิณ ชินวัตร ต่างหากที่ได้ผลบุญและกุศลเที่ยวนี้ไปแบบเต็มๆ  ย้อนอดีตกลับไปเลือกตั้งคราวที่แล้ว 24 มี.ค.2562 พรรคเพื่อไทยชนะส.ส.เขต 136 คน แต่ไม่ได้ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อเลย เพราะถูกบล็อกโดนล็อคไว้ด้วยการคิดคะแนนแบบจัดสรรปันส่วนผสม มีเพดานส.ส.พึงมีบังคับกำหนดไว้ไม่ให้ได้ส.ส.มากเกินไปทุกคะแนนของชาวบ้านถูกนำมาคิดไม่ตกน้ำ คะแนนส.ส.บัญชีรายชื่อคราวก่อนจึงถูกนำมาแจกจ่ายมาหารเฉลี่ยให้กับพรรคเล็กพรรคน้อยที่มีทุนรอนไม่มากได้ลืมต้าอ้าปากขึ้นมาบ้าง

แต่มารอบนี้หากกลับไปใช้สูตร 100 หาร บอกได้เลยว่าพรรคเล็กสูญพันธุ์  ขณะที่พรรคใหญ่อย่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์ก็อย่าคิดว่าจะรอด  อย่าย่ามใจว่าจะได้ส.ส.บัญชีรายชื่อเท่าเก่าหรือมากกว่าเก่า คราวก่อนถ้าไม่ได้การคิดคำนวณสูตรแบบพิศดารอภินิหารทางกฎหมายไม่มีทางที่พรรคพลังประชารัฐจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้  คราวนี้เปลี่ยนระบบการเลือกตั้งเป็นบัตร 2 ใบ  คะแนนคิดแยกกัน แถมส.ส.ระบบเขตมากขึ้นจาก 350 เป็น 400  ส.ส.บัญชีรายชื่อลดลงจาก 150 เป็น 100    หากส.ส.บัญชีรายชื่อใช้สูตร 100 หารอีก เชื่อขนมกินได้เลยว่าพรรคเพื่อไทยมาแน่  อย่าลืมว่าใน 100 ตัวต้องแบ่งให้พรรคเพื่อไทยด้วย อย่างต่ำๆห่วยๆ ขี้หมูขี้หมาส.ส.บัญชีรายชื่อ 30 -40 ตัวน่าจะต้องมีแบ่งให้พรรคเพื่อไทย  ที่เหลือ 60-70 ก็ไปแบ่งกันเอาเอง ขนาดหมอระวีที่เกาะติดเรื่องนี้มาตลอดก็ยังอ่อนใจ  ถ้าใช้สูตร 100 หารทุกพรรคต้องได้ส.ส.อย่างน้อย 370,000 คะแนนต่อส.ส. 1 คน  แต่ถ้าใช้สูตร 500 หารคะแนนส.ส.คนเดียวจะลดลงเหลือแค่ 70,000 หรือ 100,000 คนเท่านั้นที่พรรคเล็กยังพอมีสิทธิ์ลุ้นแม้จะเหนื่อยหน่อยก็ตามที  แต่ถ้าใช้สูตร 100 หาร กลับบ้านอย่างเดียวทางใครทางมัน

ปรากฎการณ์หักดิบในชั้นกมธ.วิสามัญฯ เที่ยวนี้ระหว่างฝั่งลุงป้อมกับฝ่ายลุงตู่  ยังไม่รู้ว่าจะไปจบตรงไหนจะไปกันอย่างไร  แต่ประเด็นพื้นๆตื้นๆแบบนี้ไม่มีทางที่พล.อ.ประวิตรจะไม่รู้ได้เลยว่าถ้าใช้สูตร 100 หารเข้าทางตีนแม้วเต็มๆ พรรคเพื่อไทยมีโอกาสแลนไสด์แน่ๆ เพราะเคยมีฐานสมาชิกมีคนเลือกสูงถึง 13 ล้านคน  ข่าวว่าก่อนหน้านี้แกนนำพรรคพลังประชารัฐหลายต่อหลายคนเคยไปกางสูตร 100 หาร กับ สูตร 500 หาร จัดการบวกลบคูณหารอธิบาย ให้พล.อ.ประวิตรดูแบบละเอียดยิบแล้ว ว่าแต่ละสูตรได้ส.ส.แค่ไหนแนวโน้มเป็นอย่างไร  แต่พล.อ.ประวิตรไม่สนใจไม่รับลูกไม่นำพา ที่สุดคะแนนเลยออกมาคัดง้างกันแบบนี้   ตีความเป็นอื่นไม่ได้นอกจากหนึ่งพล.อ.ประวิตรหลงเชื่อแบบผิดๆหรือโดนคนใกล้ตัวหรือใครหลอกมา  ว่าพรรคพลังประชารัฐจะชนะในการเลือกตั้งทั่วไปคราวหน้าหากใช้สูตร 100 หารแบบนี้    หรือไม่ตีความอย่างร้ายเอาอย่างที่หลายคนซุบซิบคนไทยเม้าท์กันทั้งแผ่นดิน  คือพล.อ.ประวิตรคิดการใหญ่บิ๊กป้อมคิดไม่ซื่อ หวังล้มน้องเล็ก 3 ป.บูรพาพยัคฆ์ขึ้นเป็นผู้นำประเทศเสียเอง   อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้ก็มีกระแส “นายกฯสำรอง-นายกฯคนนอก”  พุ่งเป้าถึงพล.อ.ประวิตรมาครั้งนึงแล้ว  ถ้าไม่มีมูลหมาคงไม่ขี้  แถมปีนี้ทุกอย่างก็ดูเหมาะเจาะพรรคร่วมรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ รัฐบาลอยู่ในช่วงขาลง หนำซ้ำพล.อ.ประวิตรก็เป็นผู้จัดการรัฐบาลคุมเสียงในสภาคุมเกมส์ส.ว.อยู่แล้ว  จะแก้รัฐธรรมนูญอย่างไร  จะพลิกกฎหมายกติกาแบบไหนก็คงได้หมด    ไม่งั้นลูกน้องสุดเลิฟอย่าง “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทยคงไม่ออกมาอวยลูกพี่ว่า “พล.อ.ประวิตรจะเป็นนายกฯเมื่อไหร่ก็ได้ ท่านเป็นได้อยู่แล้ว”

หนำซ้ำยังมีเวทีให้เล่นมีโอกาสจะล้มนายกฯได้จริงๆ  โดยเฉพาะหากพล.อ.ประวิตรคิดอยากล้มพล.อ.ประยุทธ์จริงๆ ก็แค่พลิกฝ่ามือ  พรรคเศรษฐกิจไทยก็สั่งได้พรรคเล็กก็อยู่ในมือ   จับมือกับฝ่ายค้านวันไหนก็ล้มบิ๊กตู่ได้ทันที  ล่าสุดฝ่ายค้านลับมีดรอเชือดพล.อ.ประยุทธ์อยู่แล้ว หลังเปิดสภา 22 พ.ค.นี้ เวทีแรกก็พ.ร.บ.งบประมาณปี 2566 ระหว่าง 31 พ.ค.- 2 มิ.ย.  ถัดจากนั้นก็ยังมีกฎหมายลูกวาระ 2 และ 3  รวมถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลอีก  ล่าสุดทักษิณจมูกไว  เหมือนได้กลิ่นรอยร้าวใน 3 ป. จึงออกมาขย่มว่า 2 พี่น้อง  “ป้อม-ตู่” ไม่รักกันเหมือนเก่า  แถมยังเสี้ยมว่าให้ระวังรัฐบาลล้มเรือแป๊ะจม  เพราะมีคนรอไฮแจคอยู่  โทนี่เตือนพล.อ.ประยุทธ์ให้ระวัง “เสี่ยหนู อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยที่รอรับส้มหล่น  แต่เป้าหมายจริงๆคนแดนไกลชี้นิ้วไปที่บิ๊กป้อมหากพล.อ.ประยุทธ์ตกสวรรค์เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นมาจริงๆ  งานนี้ให้ระวังอาจมีสับขาหลอกออกข่าวว่าจะเชือดพล.อ.ประยุทธ์ตอนเปิดซักฟอก  แต่เอาจริงอาจเลื่อนคิวมาล้มนายกฯตอนอภิปรายงบปี 66 นี้เลย ถ้างบไม่ผ่านสภา  พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีทางเลือกถ้าไม่ “ยุบสภา” ก็ต้องชิง “ลาออก” เพื่อแสดงความรับผิดชอบ  ปมหาร 100 หรือหาร 500 ต้องรีบเคลียร์ให้จบให้สงบกันจริงๆ ตกลงจะเอายังไงแน่  ไม่งั้นนับถอยหลังรัฐบาลรถถังเตรียมส่งพล.อ.ประยุทธ์กลับบ้านได้เลย  เพราะถ้าใช้สูตร 100 หาร เลือกตั้ง 2 ใบวิธีใหม่คราวนี้   พรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์ อุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ โทนี่ได้กลับมาบ้านแบบเท่ห์ๆแน่นอน

//////////////////

 

 

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ตำรวจ สภ.สัตหีบ" ใจฟู "หนุ่มใหญ่ใจบุญ" มอบทุนปรับปรุง "ตู้ยาม" เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชน
"นายกฯอิ๊งค์" ถวายสัตย์ปฏิญาณตน แล้ว ยิ้มตอบสื่อ พรุ่งนี้เริ่มทำงาน ก.วัฒนธรรม
ชาวบ้านล้อมจับโจรขโมย จยย. ผู้ก่อเหตุแกล้งเมา พูดไม่รู้เรื่อง
"ท็อปนิวส์" ขออภัยนำเสนอภาพและคลิปข่าว "โดรน JOUAV" ผิดพลาดคลาดเคลื่อน
เรือเฟอร์รี่อินโดนีเซียล่มใกล้เกาะบาหลี
โซเชียลสวดยับ “จิรัฏฐ์” เหยียด "สมาคมแม่บ้านทหารอากาศ" ลั่นแรง "อิพวกแม่บ้าน"
"หนุ่มวัย 28" ดับปริศนาคาโรงแรม กับงูเห่าในถุงผ้าที่มัดไว้
คืนเดียว 2 เคส หนุ่มไทยหนีตายจากแก๊งบัญชีม้า เล่าชะตากรรมสุดช้ำในกรุงปอยเปต
"ปตท." ครองบริษัทชั้นนำอันดับ 1 ในไทย ซ้ำได้อันดับ 2 ใน Southeast Asia ต่อเนื่อง 2 ปีซ้อน สะท้อนศักยภาพดำเนินงานเป็นเลิศในระดับสากล
"ปตท." จับมือ บีเอ็นพี พารีบาส์ ลงทุนตราสารหนี้ ESG หนุนภารกิจยั่งยืน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น