ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม รวม 13 ฉบับ โดยมี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมนั้น ได้เข้าสู่การอภิปรายของสมาชิกรัฐสภา โดยเป็นลำดับการอภิปรายของ ส.ว. และพบว่ามีการประท้วงจากส.ส.ทันที โดยนายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา ลุกขึ้นอภิปรายว่า การเสนอแก้ไขระบบเลือกตั้งจะทำให้ลดบทบาทประชาชน พรรคเล็กหาย แต่พรรคการเมืองใหญ่มีบทบาท นายทุนผู้มีอำนาจจะเข้าครอบงำพรรค ทำให้เกิดธุรกิจการเมือง ตนมองว่าปิดสวิตซ์คนตัวเล็กตัวน้อยไม่ให้มีบทบาททางการเมือง และทำเพื่อเอาชนะทางการเมืองมากกว่าประชาชน
จากนั้นนายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ได้ลุกขึ้นกล่าวประท้วงตอนหนึ่งว่า ตนขอประท้วงประธานฯ ตามข้อบังคับที่ 5 เพราะผู้อภิปรายมีการเสียดสีสมาชิกรัฐสภา ตนเห็นด้วยกับการอภิปรายและการให้สัมภาษณ์สื่อของนายวันชัย และขอให้ทำตามที่แสดงออก คือการลาออกจากการเป็นส.ว. เพื่อไม่ให้เกิดรอยด่างในระบอบประชาธิปไตย และขณะนี้ท่านเป็นรอยด่างของระบบประชาธิปไตย นอกจากนี้ประธานต้องควบคุม อย่าให้มีการพูดเสียดสมาชิกรัฐสภา ผู้อภิปรายจะพูดแต่เอาดีใส่ตัวไม่ได้
ด้านนายคารม พลพรกลาง ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวประท้วงตอนหนึ่งว่า ตนขอประท้วงประธานฯ เพราะไม่ควบคุมการประชุม และผู้อภิปรายก็ได้พูดเสียดสี ด่าทอ ให้ร้ายไปเรื่อย การแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้ประเทศชาติดีขึ้น ไม่ใช่ด่าคนอื่นแย่เร็วเสียหมด ดังนั้นประธานฯต้องกำชับ อย่าเป็นผู้ใหญ่แต่อายุ ต้องฝึกความเป็นผู้ใหญ่ในตัวเองด้วยและขอให้ประธานฯ กำชับให้หยุดกล่าวหาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือด่าคนอื่นไม่ดีไปทั้งหมด
อย่างไรก็ตามในช่วงท้ายการอภิปรายนายคารม ยังได้กล่าวประท้วงอีกว่า เราให้ความเคารพ ส.ว. แต่ถ้าขึ้นมาแล้ว เสียดสีบ่อยๆ ต่อว่าเพื่อนสมาชิกเหมือนท่านผู้อภิปราย ประธานฯ ต้องกำชับ เราเป็นสมาชิกรัฐสภาใกล้เคียงกัน มาจากไหนเราก็เคารพ และตนไม่ใช่คนด่าทอ แต่ถ้าทำตัวเป็นผู้วิเศษจะปล่อยไม่ได้ประธานฯ ต้องควบคุม