วันนี้ ที่ศาลาว่าการ กทม. นายสำราญ ตันพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร หรือ ผอ.กกต.กทม. เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร หรือ กกต.กทม และ คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร ได้ประสานไปยังเลขาธิการสำนักงานเลขาธิการศาลยุติธรรม เพื่อขอทราบข้อเท็จจริง เพื่อประกอบการวินิจฉัยตามอำนาจหน้าที่ กรณีที่ประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม หรือ ก.ต.เมื่อวันที่ 18 เมษายน มีมติให้นายสราวุธ เบญจกุล อดีตเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ผิดวินัยร้ายแรง และมีมติเห็นสมควรให้ลงโทษไล่นายสราวุธออกจากราชการ จากคดีโครงการปรับปรุงอาคารศาลจังหวัดพระโขนง เป็นศาลแพ่งและศาลอาญาพระโขนง วงเงิน 42.3 ล้านบาท ที่ถูกร้องเรียนถึงปัญหาควาไม่โปร่งใส เนื่องจากนายสราวุธ เป็นหนึ่งในผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 28 ในนามอิสระ
“สราวุธ” อดีตเลขาศาลฯ ส่อวืดชิงผู้ว่าฯ กทม.
- เผยแพร่ : 19/04/2022 18:36
กดติดตาม TOP NEWS
“สราวุธ” อดีตเลขาศาลฯ ส่อวืดชิงผู้ว่าฯ กทม. หลังกกต.กทม.ประสานเลขาฯศาลยุติธรรม ขอรายละเอียดมติก.ต.ฟันผิดวินัยร้ายแรง ให้ออกจากราชการ เซ่นปมโครงการปรับปรุงศาลพระโขนงศาลมีนบุรีและศาลตลิ่งชันไม่โปร่งใส
ข่าวที่น่าสนใจ
ทั้งนี้รายงานข่าวแจ้งว่า หากผลการตรวจสอบปรากฎข้อเท็จจริงแล้ว และเข้าข่ายตามมาตรา 50 พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 ที่ระบุว่า บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง โดยวงเล็บ 8 กำหนดไว้ว่า เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการหน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ ซึ่งมาตรา 56 ได้บัญญัติว่า เมื่อกกต.ทราบหรือได้รับแจ้งว่า ผู้สมัครผู้ใดไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ให้ กกต.วินิจฉัยโดยเร็ว ถ้าความปรากฏหรือได้รับแจ้งก่อนวันเลือกตั้ง ไม่น้อยกว่า 20 วัน ให้ กกต.วินิจฉัยให้แล้วเสร็จก่อนวันเลือกตั้ง ไม่น้อยกว่า 10 วัน และถ้ามีหลักฐาน ตามสมควรว่าผู้สมัครผู้นั้นไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกต้ัง ให้สั่งถอนชื่อผู้น้ันออกจากบัญชีรายชื่อผู้สมัคร
นอกจากนี้ให้นำความในมาตรา 55 วรรคสอง มาใช้บังคับกับการดำเนินการตามวรรคหนึ่งด้วยโดยอนุโลม การอุทธรณ์คำวินิจฉัยของ กกต. ตามวรรคหนึ่ง ให้อุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ หรือศาลอุทธรณ์ภาค ที่มีเขตอำนาจ คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์หรือศาลอุทธรณ์ภาค ให้เป็นที่สุด การอุทธรณ์ ดังกล่าวไม่เป็นเหตุให้ระงับหรือชะลอการเลือกตั้ง และให้ศาลอุทธรณ์หรือศาลอุทธรณ์ภาค พิจารณาวินิจฉัยให้แล้วเสร็จก่อนวันเลือกตั้ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง