“ทนายเดชา”​ ชี้ช่องโหว่คดี “ปริญญ์” เตือนระวังถูกฟ้องกลับ​

นายเดชา​ กิตติวิทยานันท์ หรือ​ ทนายเดชา​ประธานเครือข่ายศูนย์ทนายคลายทุกข์​ ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว​ท็อปนิวส์​ ถึงกรณี​คดีความของ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์​ ภายหลังศาลอนุญาต​ปล่อยตัวชั่วคราววางเงินประกัน​ 7 แสนบาท ท่ามกลาง​กระแสข่าว​แอบติดต่อขอจ่ายเงินให้เหยื่อหวังจบคดี โดย ทนายเดชา ว่า​ การสู้คดี​อนาจารและข่มขืนในที่ลับไม่มีบุคคลภายนอกรู้เห็น​นั้นมีอายุความเพียง 3 เดือน นับแต่วันเกิดเหตุ​ ซึ่งหากเกินกว่าเวลาไปจากนี้ สิทธิ์ในการดำเนินคดีอาญาจะถูกระงับไปตามกฎหมายไม่สามารถดำเนินคดีต่อได้​ ซึ่งอาจเหลือเพียงคดีเดียวคือ กรณีที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา ส่วนที่นายปริญญ์มีอยู่แล้ว 3 คดี​ ณ ขณะนี้นั้น​ จะเอาผิดได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน​​และอายุความเนื่องจากเป็นความผิดที่ยอมความได้​ ยกเว้นแต่เป็นคดีข่มขืน​และทำอนาจาร​ต่อหน้าธารกำนัล​หรือได้รับบาดเจ็บและมีการใช้อาวุธ​ ซึ่งจะถือว่าเป็นช่องโหว่และทางออกของกรณีดังกล่าวก็ได้​ แต่กฎหมายก็เขียนไว้​เช่นนั้น​

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ทนายเดชามองว่า คดีนี้เป็นเรื่องของคน 2 คน เหตุเกิดในที่ลับไม่มีพยานหลักฐาน ลำพังแค่คำให้การของผู้เสียหายปากเดียวไม่สามารถดำเนินคดีได้​ยกเว้น กรณีที่เป็นเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ศาลอาจจะพิจารณาอีกครั้ง​ แต่หากเป็นบุคคลที่มีอายุ​ 20​ ปีขึ้นไป ศาลจะพิจารณาจากพยานหลักฐาน​ที่ยืนยันได้ว่ามีกระทำผิดจริงโดยปราศจาก​ข้อสงสัย​ อาทิ​ ภาพกล้องวงจรปิด​, ลักษณะบาดแผล, ร่องรอยการกระทำชำเรา หรือ การต่อสู้ขัดขวาง​ ทั้งนี้บทลงโทษจากการล่วงละเมิดทางเพศ และ​ข่มขืนตามกฎหมายใหม่หมายถึงกระทำชำเรา​โทษจำคุกสูงสุด 10 ปี ส่วนคดีข่มขืนมีโทษจำคุกสูงสุด 20 ปี

ผู้สื่อข่าวยังถามต่อว่า​ ในคดีนี้ในอนาคต​จะเป็นอย่างไร​ ทนายเดชา​ ระบุว่า​ ขณะนี้ผู้ต้องหาได้มีการสู้คดี​และปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา​ แต่หากมีผู้เสียหายบางคนตกลงรับเงินเยียวยาหรือกลับคำให้การคดีก็คงจบลง​ หรือแม้กระทั่งในคดีแรกของ​สาววัย​ 18​ ปี​ ที่มีกล้องวงจรปิดเห็นว่ามีการล่วงละเมิด​ทางเพศ​แต่หากเป็นเรื่องของการสมยอมก็จบเช่นกัน​ ซึ่งตนเองไม่ทราบว่าหลังจากนี้จะเป็นการสมยอมหรือไม่​

ส่วนจะมีผู้เสียหายออกมาอีกหรือไม่นั้น​ ทนายเดชามองว่า​ ตามข่าวจะมีออกมาอีก 5 คน ในวันพรุ่งนี้​​ ก็คาดว่าจะไม่ออกมาแล้วและจะจบลงแค่นี้ เพราะหากไม่มีหลักฐานก็ไม่สามารถดำเนินคดีได้​ และเสี่ยงโดนฟ้องกลับทั้งแจ้งความเท็จและหมิ่นประมาท​โดยการโฆษณา​ ซึ่งการนำเสนอข่าวก็ต้องระมัดระวังอย่าไปยืนยันข้อเท็จจริง​ด้วย

ผู้สื่อข่าวยังถามต่อว่า​ หากมีข้อเท็จจริงทางข้อกฎหมายออกมาเช่นนี้เหยื่อผู้ถูกกระทำจะกล้าออกมาหรือไม่นั้น​ ทนายเดชา​ ระบุว่า​ หากมีหลักฐานก็ควรจะออกมาแต่หากไม่มีหลักฐานก็คงจะทำอะไรไม่ได้​ โดยย้ำว่าการวินิจฉัยคดีและการลงโทษต้องอาศัยพยานหลักฐาน​ เพราะการกระทำความผิดในที่ลับเป็นเรื่องที่พิสูจน์ยาก

ทั้งนี้ยังฝากให้กำลังใจไปถึง นายษิทรา​ เบี้ยบังเกิด​ เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน​ หรือ ทนายตั้ม ว่า​ ขอให้ช่วยเหลือผู้เสียหายอย่างเต็มที่ตนเองเข้าใจว่าทนายตั้มตั้งใจทำงานรับเรื่องราวร้องทุกข์​และเข้าไปช่วยผู้เสียหายอย่างจริงจัง​ โดยยินดีพร้อมช่วยเหลือ โดยส่วนตัวไม่มีปัญหายังรักกันเหมือนเดิม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"สื่อกัมพูชา" ยอมรับแล้ว เขมรสร้างข่าวปลอม "กองทัพไทย" ใช้สารเคมีโจมตีทางทหาร
จันทบุรี ชาวกัมพูชาแห่กลับบ้าน หลัง "ฮุน" ปล่อยข่าวจะยึดที่ดินคืนหากไม่กลับ
แก๊งแว้นชาวคูเวตสร้างความเดือดร้อน ขี่รถจยย.เบิ้ลท่อเสียงดัง ชาวบ้าน อดหลับ อดนอน ทั้งคืน
“บิ๊กเล็ก” หวังประชุม GBC วันนี้ ราบรื่นด้วยดี ย้ำทีมเจรจาพร้อมปกป้องผลประโยชน์ชาติ รับไม่เคยเจอคู่กรณี แบบคนพูดอย่าง ทำอย่าง
สธ.เพิ่มงบซ่อม 8 จุด "รพ.พนมดงรักฯ" หลังถูกเขมรยิงปืนใหญ่ถล่ม เหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา
“ยามาชิตะ” ครองแชมป์ เอไอจี วีเมนส์ โอเพ่น เมเจอร์สุดท้ายของปี “ปาจรีย์” ดีสุดที่ 13 ร่วม

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​