No data was found

อ.ชูชาติ อธิบายชัด ท่อนสุดท้าย ของคำพิพากษาฎีกา คดี”ลุงวิศวะ​”

กดติดตาม TOP NEWS

อ.ชูชาติ อธิบายชัด ท่อนสุดท้าย ของคำพิพากษาฎีกา คดี"ลุงวิศวะ​"

อ.ชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ศาลยุติธรรม ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ท่อนสุดท้าย ของคำพิพากษาฎีกา#คดีวิศวกรยิงคู่กรณีตาย ที่ชลบุรี
ผมเห็นว่า คำพิพากษาฉบับนี้เขียนได้ดีมาก เป็นการเตือนสติผู้ขับขี่รถทั้งหลายว่า การทำตัวเกเรบนท้องถนนและตัดสินใจด้วยอารมณ์ชั่ววูบจะเกิดผลอย่างไร
การรอการลงโทษให้จำเลย โดยให้คุมประพฤติและเข้ารับการอบรมในการควบคุมอารมณ์ เป็นใช้ดุลพินิจที่ถูกต้องแล้ว เพราะจำเลยในคดีนี้ไม่ใช่อาชญากร การลงโทษจำคุกจึงไม่มีประโยชน์อะไรไม่ว่าในด้านตัวจำเลย หรือสังคมส่วนรวม

#อ่านคำพิพากษา ลับหลังจำเลย โดยจำเลยไม่มาศาลยอมให้ปรับนายประกัน หมายจับตัวจำเลยมาฟังคำพิพากษา เมื่อได้อ่านคำพิพากษาแล้ว หมายจับก็สิ้นสภาพบังคับจำตัวเลยไม่ได้อีก ดูคำพิพากษาใว้เป็นตัวอย่างสำหรับใครที่ขับรถแล้วหัวร้อนบนท้องถนน….

เป็นคำพิพากษาที่ตรงตามทฤษฎีการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายและป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 และ มาตรา 69ทั้งในด้านภาษามีความสละสลวยโดยศาลฎีกาท่านได้มองข้อเท็จจริงอย่างรอบครอบและรอบด้านจริงๆ

…ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า มูลเหตุคดีเริ่มต้นเมื่อพวกของผู้ตายจอดรถยนต์ตู้ซ้อนคันกับรถยนต์ของจำเลย โดยไม่ได้สนใจว่ารถยนต์ของจำเลยที่จอดริมฟุตบาทจะออกไปได้หรือไม่ เมื่อภริยาจำเลยแจ้งให้ทราบว่ารถยนต์ของจำเลยกำลังจะออก แต่พวกของผู้ตายไม่ขยับให้ กลับบอกให้รอก่อน การจอดรถซ้อนคันขวางทางออกถนนของรถยนต์คันอื่น ทั้งมิยอมรีบขยับรถให้รถคันที่ตนจอดขวางอยู่ออกไปได้ มิใช่เรื่องที่คนทั่วไปกระทำกัน
เหตุการณ์เช่นนี้ คนทั่วไปไม่ว่าใครก็ตามพบเจอ ย่อมต้องรู้สึกโกรธเป็นธรรมดา จำเลยกล่าวถ้อยคำหยาบคายหลายครั้ง แต่มีเพียงถ้อยคำเดียวที่พวกของผู้ตายได้ยินก่อนที่จะพากัน ขึ้นรถยนต์ตู้ไป ส่วนถ้อยคำหยาบคายอื่นจำเลยกล่าวในรถยนต์ของตนเอง ไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้พวกของผู้ตายรู้สึกว่าจะต้องเอาเรื่อง กับจำเลย ทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงแต่ทำให้จำเลยเสียเวลาไปบ้างเล็กน้อย จึงมิใช่เรื่องใหญ่โตถึงขนาดต้องฆ่ากัน
เชื่อได้ว่า ในขณะที่รถยนต์ของทั้งสองฝ่ายเคลื่อนออกจากบริเวณหน้าร้านขายอาหารทะเลแห้ง ทั้งสองฝ่ายไม่ได้มีความคิดที่จะเอาเรื่องอีกฝ่ายเพราะเหตุจากการมีปากเสียงกัน ส่วนเหตุการณ์ระหว่างทางตั้งแต่รถยนต์ของทั้งสองฝ่ายออกจากร้านขายอาหารทะเลแห้ง จนถึงเวลาก่อนจะถึงแยกครกใหญ่ พวกของผู้ตายเพียงแต่เปิดไฟสูงใส่จำเลย ไม่ได้ขับแข่ง ขับแซง หรือปาดหน้า ทั้งที่อยู่ในวิสัยที่สามารถกระทำได้โดยง่าย
ส่วนฝ่ายจำเลย พฤติการณ์ภายในรถแสดงให้เห็นได้ว่า ภายหลังจากออกจากหน้าร้านขายอาหารทะเลแห้งไม่นาน จำเลยและภริยาต่างระงับความโกรธได้และเกรงว่าจะถูกฝ่ายผู้ตายทำร้าย จึงมีความคิดจะไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าพนักงานตำรวจหรือบุคคลอื่น เมื่อรถยนต์ของทั้งสองฝ่ายไปถึงแยกครกใหญ่ จำเลยมิได้ขับรถปากหน้ารถพวกของผู้ตายเพื่อไปจอดรถที่ริมฟุตบาทและมิได้มีพฤติการณ์ยั่วยุให้คนในกลุ่มผู้ตายมาวิวาทต่อสู้กันอีก

เมื่อมีคนในกลุ่มของผู้ตายหลายคนอยู่ล้อมรอบรถยนต์ของจำเลย ผู้ตายมุดศีรษะเข้ามาในรถยนต์ของจำเลย พูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดว่า “มึงจะรบป่าว” หลายครั้งและมีความเป็นไปได้สูงที่ผู้ตายจะเข้ามาทำร้ายจำเลยในชั่วเวลาอีกไม่นาน ขณะเดียวกันจำเลยยังถูกพวกของผู้ตายชกต่อยจากทางด้านหลัง ย่อมถือได้ว่ามีอันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะเกิดขึ้นแก่ชีวิตและร่างกายของจำเลยแล้ว

ประกอบกับจำเลยนั่งอยู่ที่ที่นั่งคนขับอันเป็นการอยู่ในที่จำกัดและเคลื่อนไหวร่างกายได้ยาก การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงออกไปจึงเป็นทางเดียวที่จะให้จำเลยพ้นจากการถูกทำร้ายโดยผู้ตายและพวกได้ ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตนให้พ้นภยันตรายที่เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง แต่เมื่อจำเลยเห็นอยู่แล้วว่าผู้ตายและพวกไม่มีอาวุธ หากจำเลยเพียงนำอาวุธออกมาขู่ว่าจะยิง หรือยิงออกไปโดยไม่จำเป็นต้องให้ถูกผู้ตายหรือยิงไปที่อวัยวะอื่นที่ไม่สำคัญของผู้ตาย ก็ย่อมเพียงพอที่จะยับยั้งมีให้ผู้ตายและพวกเขามาทำร้ายได้แล้ว
แต่จำเลยกลับใช้อาวุธที่หน้าอกซ้ายของผู้ตาย แม้ยิงเพียงนัดเดียวก็ไม่เป็นการได้สัดส่วนกับภยันตรายที่เกิดขึ้นหรืออาจเกิดขึ้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน เหตุคดีนี้เกิดจากฝ่ายผู้ตายจอดรถยนต์ขวางทางรถยนต์ของจำเลยจนเหตุการณ์ลุกลามบานปลาย อันเป็นความผิดของฝ่ายผู้ตายด้วยส่วนหนึ่ง การรอการลงโทษให้แก่จำเลยน่าจะเป็นประโยชน์แก่จำเลยและสังคมส่วนรวมมากกว่าการลงโทษจำคุกไปเสียทีเดียว

ศาลฎีกาจึงพิพากษา แก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุจำคุก 5 ปี ลดโทษให้หนึ่งสาม คงจำคุก 3 ปี 4 เดือน เมื่อรวมกับโทษในความผิดฐานพาอาวุธปืนฯ แล้ว รวมจำคุก 3 ปี 4 เดือน และปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 3 ปี คุมความประพฤติ 2 ปี ให้จำเลยรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือน ให้จำเลยไปเข้ารับการฝึกอบรมที่เกี่ยวกับการระงับควบคุมอารมณ์ที่เกิดจากการใช้รถใช้ถนนและให้ทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์มีกำหนด 30 ชั่วโมง…

 

เครดิต : Sutathinee Pitukpolwornut

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"นายกฯ" ร่วมผู้นำ 17 ชาติ ออกแถลงการณ์ ร้องปล่อยตัวประกันในกาซา
"ทนายอนันต์ชัย" ขีดเส้นไว้เวลาแค่ 15 วัน หน่วยงานรัฐจัดการ "เชื่อมจิต" ลั่นแล้วเจอกันถ้าทำไม่ได้
จับได้แล้ว คนร้ายทุบหัว "นายกฯ อบต.บางไผ่" เจ็บสาหัสริมหาดชะอำ หลักฐานมัดตัวแน่น
กกต.ประกาศ 20 กลุ่มอาชีพ มีสิทธิสมัครเลือกตั้งสว. หลากหลายสุด รวมไรเดอร์ส่งอาหาร
นาทีเฉียดตาย "2 หนูน้อย" ตกบ่อน้ำลึกกว่า 10 เมตร รอดตายปาฏิหาริย์
สภาพอากาศวันนี้ อุตุฯ เผยรับมืออากาศร้อนจัด อุณหภูมิพีคสุด 43 องศาฯ เตือน 35 จว. เจอฝน
แห่อาลัย บิดา "พยุงศักดิ์ อู่ทรัพย์" เผยพิธีพระราชทานเพลิงศพ 27 เม.ย.นี้
ศชอ.แจ้งเพื่อทราบ ศาลแพ่งยกฟ้อง "หมอของขวัญ" เรียกค่าเสียหาย 1 ล้าน
ชลบุรี ตำรวจ บก.ปทส. พร้อมเจ้าหน้าที่กรมอุตสาหกรรม นำหมายค้นเข้าตรวจสอบบริษัทรีไซเคิล ในพื้นที่ตำบลคลองกิ่ว หลังชาวบ้านร้องกลัวว่าจะเป็นที่กักเก็บกากแคดเมียม
ตำรวจรวบตัว "3 ชาวจีน" ถูกทิ้งอยู่ข้างทาง หลังหนีการสู้รบจาก "เมืองเมียวดี" ลักลอบเข้าไทย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น