เมื่อเวลา 10.00 น. (17 มิ.ย.) ที่ ศาลแขวงดุสิต นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ แอมมี่ The Bottom Blues ศิลปินแนวร่วมราษฎร พร้อมกับนางอรวรรณ แก้ววิบูลย์พันธุ์ มารดา เดินทางมาขึ้นศาลแขวงดุสิต จากคดีสาดสีใส่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สำราญราษฎร์ เมื่อวันที่ 28 ส.ค.2563 ตามข้อหาทําร้ายเจ้าพนักงาน โดยไม่ถึงกับเป็นอันตรายแก่ร่างกายและจิตใจ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 , ทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 358 และ ทำให้ปรากฏซึ่งรูปรอยใด ๆ บนถนน หรือที่สาธารณะ ตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาดฯ มาตรา 12
สำหรับเหตุการณ์ในวันดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 ส.ค.2563 ขณะนั้น กลุ่มนักศึกษา นักกิจกรรม และศิลปินแร็ป ซึ่งถูกออกหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา กรณีเข้าร่วมการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอก เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2563 ซึ่ง นายไชยอมร ไม่พอใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ทำการสาดสีใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งยืนอยู่หลังแผงเหล็กหน้า สน.สำราญราษฎร์
ทั้งนี้ นายไชยอมร เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า การตั้งข้อหาเช่นนี้ เป็นการตั้งข้อหาที่แรงเกินไป ไม่ว่าจะเป็นการตั้งข้อหาให้กับแกนนำแถว 1 แถว 2 หรือ แถว 3ที่โดนแจกจ่ายคดีเป็นว่าเล่น โดยตนมองว่า เป็นยุทธศาสตร์ของรัฐไทย ที่จะใช้ก่อกวน สร้างความลำบากให้กับผู้เรียกร้องประชาธิปไตย นายไชยอมร กล่าวต่ออีกว่า สำหรับขั้นตอนในวันนี้ จะขอไกล่เกลี่ยก่อน โดยส่วนตัว มองว่าเป็นความเห็นทางศิลปะเชิงแนวคิด (Conceptual Art) ในการแสดงเชิงสัญลักษณ์ ถ้าเป็นการทำให้เสียทรัพย์ ตนก็อยากได้เสื้อตำรวจตัวนั้น ที่เปื้อนสีน้ำเงิน ซึ่งก็ถือว่าเป็นงานศิลปะที่มีคุณค่า ส่วนความกังวลในวันนี้ จากคดีสาดสีตนไม่ค่อยมีความกังวล ขอให้ออกมาในรูปแบบไกลเกลี่ยกันได้ ตนไม่ได้มองว่า เจ้าหน้าที่รัฐ หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นศัตรู ขอให้เป็นวิธีการที่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน จะเป็นทางออกของประเทศที่ดี และอย่างที่ทราบกันว่า มันไม่ได้มีการสู้รบกัน มันเป็นเพียงการโดนตัวกันนิดหน่อย ในการยื้อกระชากฉุดดึง แต่การสัมผัสตัว ไม่ควรนำมาใช้เป็นข้อกฎหมายในข้อหาทำร้ายร่างกาย ตนหวังว่า จะมีทางออกที่ดี รวมทั้ง เรื่องเงินชดเชยที่มีการพูดคุยไปแล้วด้วย โดยตนมองว่าระบบการสั่งการจากบนสู่ล่าง ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้น้อยที่ต้องมาดำเนินคดี ต้องหาทางออกให้กับเรื่องนี้