“บิ๊กตู่” ประชุมแก้หนี้สินปชช. กว่า 100 ล้านบัญชี

นายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก ประชุมแก้ปัญหาหนี้สินปชช.รายย่อยกว่า 100 ล้านบัญชี ช่วยลดภาระหนี้ที่ดอกเบี้ยลดลงได้ 2-3% ต่อปี 

วันที่ 14 มิ.ย. –พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม โพสต์เฟซบุ๊ก “ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha” ข้อความว่า วันนี้ได้ประชุมกับรองนายกรัฐมนตรี ท่านสุพัฒนพงศ์ฯ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และผู้เกี่ยวข้องท่านอื่นๆ เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชนรายย่อย ให้กับประชาชนกลุ่มต่างๆ ได้แก่

 

หนี้ กยศ. 3.6 ล้านคน ผู้ค้ำประกัน 2.8 ล้านคน /หนี้ครู ข้าราชการ 2.8 ล้านบัญชี /หนี้เช่าซื้อรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ 6.5 ล้านบัญชี /หนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล 49.9 ล้านบัญชี /ปัญหาหนี้สินอื่นๆ ของประชาชน 51.2 ล้านบัญชี

 

ที่ประชุมเห็นว่า การแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนให้เบ็ดเสร็จต้องทำ 3 เรื่องควบคู่กัน คือ การให้ความรู้ทางการเงินแก่ประชาชน การกำกับดูแลเจ้าหนี้ให้สินเชื่ออย่างเป็นธรรม และการปรับโครงสร้างหนี้และการไกล่เกลี่ยปัญหาหนี้สิน มาตรการที่นำมาคุยกันในวันนี้ มีทั้งมาตรการระยะสั้นและระยะยาว

 

มาตรการระยะสั้น เช่น

– ไกล่เกลี่ยปัญหาหนี้สินเพื่อลดการดำเนินคดีกับประชาชน เช่น หนี้ กยศ. หนี้สถาบันการเงินเฉพาะกิจ หนี้สหกรณ์

– ลดภาระดอกเบี้ยของประชาชน ทั้งในส่วนสินเชื่อรายย่อย สินเชื่อ PICO และ NANO สำหรับประชาชน ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ของครูและข้าราชการ รวมถึงสหกรณ์ ปรับรูปแบบการชำระหนี้ รวมถึงปรับลดค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่ไม่จำเป็น

– ยกระดับการกำกับดูแล เช่น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) คุ้มครองความเป็นธรรมให้ประชาชนที่เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ธปท. ทบทวนเพดานอัตราดอกเบี้ยและการกำกับดูแลบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อจำนำทะเบียน

– กำกับดูแลไม่ให้การบริหารความเสี่ยงด้านสินเชื่อของสถาบันการเงิน/สหกรณ์สร้างภาระแก่ผู้กู้จนเกินสมควร

– เพิ่มการเข้าถึงแหล่งทุนให้ผู้ประกอบการรายย่อยและ SMEs เช่น จัดให้มี softloan สำหรับ SME ที่เป็น NPLs เพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ การเพิ่มจำนวนโรงรับจำนำและโรงรับจำนอง

 

สำหรับมาตรการระยะยาว ได้มีการพูดถึงหลักการสำคัญ คือต้องทำให้เกิดสภาพแวดล้อมของการเข้าถึงสินเชื่อได้ง่าย และมีการคุมยอดวงเงินกู้ที่เหมาะสม เช่น รัฐต้องเร่งส่งเสริมการแข่งขันให้อัตราดอกเบี้ยถูกลง เพิ่มระบบให้ผู้ฝากเงินมาเป็นผู้ให้สินเชื่อโดยรับความเสี่ยงมากขึ้นผ่านระบบดิจิทัล การจัดตั้งหน่วยงานขึ้นมาใหม่เพื่อกำกับดูแลสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อรายย่อยเป็นการเฉพาะ การจัดตั้งศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางธุรกิจและการเงิน เพื่อชะลอการฟ้อง อำนวยความสะดวกให้การฟื้นฟูหนี้รายบุคคลที่มีเจ้าหนี้หลายราย นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีการหารือในเรื่องการให้ความช่วยเหลือเด็กรุ่นใหม่/คนเกษียณที่มีภาระหนี้สิน โดยจะออกมาตรการเพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย เรื่องที่อยู่อาศัย และค่าเดินทางระบบขนส่งมวลชนในราคาถูก

 

สิ่งที่คนไทยจะได้รับจากมาตรการดังกล่าวคือ

1. มีเงินเหลือใช้จ่ายมากขึ้นจากภาระหนี้ที่ดอกเบี้ยลดลงได้ 2-3% ต่อปี

2. ลดปัญหาการสร้างหนี้เกินตัวลงได้ทันที

3. เพิ่มโอกาสทางสังคมและลดความเหลื่อมล้ำอย่างเป็นรูปธรรม

4. ใช้การจัดการเพิ่มประสิทธิภาพของรัฐมาแก้ไขปัญหารากแก้วโดยใช้งบประมาณรัฐน้อยที่สุด

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สมุทรปราการ เยี่ยมชม กระบวนการผลิตไฟฟ้า จนเกิดไอน้ำ
ผู้ว่าฯ พิจิตร ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติแล้ว 12 อำเภอ 60 ตำบล 336 หมู่บ้าน 4,975 หลังคาเรือน
รพ.สมเด็จพระนางเจาสิริกิติ์ฯ จัดพิธีมุทิตาจิตเพื่อผู้เกษียณอายุราชการ
คนไทยไม่ทิ้งกัน เร่งช่วยชายพิการครึ่งซีก ใช้ชีวิตลำบาก จากเบี้ยพิการเดือนละ 800 บาท
สระแก้ว เขมรรวมตัวบริเวณป่ายูคาฯ รื้อรั้วลวดหนามหีบเพลง ตะโกนท้าทายทหารเสียงดัง
เบื้องลึก "เลขาฯ ป.ป.ช." ไขก๊อก - เปิด 11 คดีเผือกร้อนในมือ

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​