นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์เปิดใจกับทีมข่าว “Top News” ถึงเรื่องความสัมพันธ์ร้าวลึกกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ล่าสุดเจ้าตัวยกนิทานอีสปเรื่องหนูกับราชสีห์มาเปรียบเปรย อุปมาอุปมัยด้วยวลีที่ว่า ” หนูนี่แหละที่ช่วยราชสีห์ ในนิทานอีสปไม่เคยบอกว่าราชสีห์ช่วยหนู มีแต่หนูที่ช่วยราชสีห์” พูดจาในทำนองน้อยใจอยากให้นายเห็นคุณค่า
ทั้งนี้เพราะระยะหลังถูกมองว่ามีปัญหาขัดแย้งขบเหลี่ยมกันมาตลอด ตั้งแต่เรื่องการถูกลดบทบาทในศบค. การขัดแย้งเรื่องการบริหารจัดการวัคซีน การเห็นไม่ตรงกันเรื่องการฉีดวัคซีน สารพัดจิปาถะเรื่องราว ถึงขนาดที่มีสมาชิกพรรคภูมิใจไทยหลายคนออกมาอัดพล.อ.ประยุทธ์อย่างต่อเนื่องทั้งในสภาและในโลกโซเชี่ยลส์ โดยเจ้าตัวยืนยันหนักแน่นว่ายังเคารพรักกันดีกับพล.อ.ประยุทธ์ และไม่เคยคิดแทงข้างหลังนายกฯหรือเอาพรรคภูมิใจไทยย้ายขั้วสลับข้างไปอีกฝ่ายเพื่อโค่นนายกฯ ระบุทำงานด้วยกันมา 2 ปีไม่เคยมีปัญหากับนายกฯ ไม่เข้าใจใครพยายามหยิบเรื่องนี้ไปเสี้ยมให้เกิดความขัดแย้งระหว่างกัน
” เรื่องความระหองระแหง มันไม่มีอยู่แล้วทำงานด้วยกันมาตลอด โปรโมเตอร์คือสื่อมากกว่า พยายามจัดให้มีการไฟว์กันให้ได้ มันไม่มีหรอกผู้ใหญ่ระดับนี้แล้ว ทำงานด้วยกัน ในส่วนของรัฐบาล รัฐมนตรีทุกคนก็เป็นผู้ใต้บังคับบัญชานายยกฯ ส่วนที่สภาฯ ก็ต้องทำงานเป็นผู้แทนราษฎร มันคนละภารกิจคนละงานกัน ผมกับท่านนายกฯให้กำลังใจกันตลอดไม่มีขัดแย้ง เรื่องโควิดถือว่านายกฯมาช่วยผมเพราะกระทรวงสาธารณสุขไม่ใช่นักรบเราตั้งรับ หากไม่มีการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ผมกับทุกคนต้องไปเฝ้าสนามบิน ต้องไปเฝ้าชายแดน ต้องไปเฝ้าการสัญจรไปมาของผู้คน มันเกินความสามารถของผมและกระทรวงสาธารณสุข วันนี้เรื่องวัคซีนท่านก็สั่งผ่านผมทุกอย่าง คำสั่งต่างๆต่อให้ไม่ออกมาท่านก็ใช้งานพวกเราได้อยู่แล้ว จนถึงวันนี้ผมไม่เคยคิดน้อยใจไม่มีการน้อยใจนายกฯอยู่แล้ว ยังรู็สึกขอบคุณที่ท่านลงมาช่วย ผมบอกเลยไม่อยากจะโชว์ไลน์ที่ท่านนายกฯสั่งการ ให้กำลังใจผมมา ผมก็ตอบสนองกลับไปทุกเรื่อง มีข้อเสนออะไรก็เขียนไลน์ไปให้ท่าน ท่านก็ตอบสนองกลับมาทุกเรื่อง ก็ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ให้เวลาเหมาะสมจะเปิดไลน์ให้ดู มีแต่ปัจจัยบวก” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยกล่าว
***** มองโอกาสยุบสภามีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน เพราะนายกฯออกมาส่งสัญญาณให้รัฐมนตรีทุกคนเร่งสร้างผลงานในเวลาที่เหลืออีก 1 ปี
นายอนุทินกล่าวว่า ตอนนี้มันก็ครึ่งหลังแล้ว ผ่านมา2ปีแล้ว การเลือกตั้งมันก็ไม่ใช่ว่าอยู่ดีดีเราจะปล่อยไหลไปเรื่อยๆ เพื่อจะรอวันเลือกตั้งมันไม่ใช่ มันก็ต้องเตรียมความพร้อมตลอดเวลา แต่สำหรับความพร้อมของนักการเมืองที่ตั้งมา 10 กว่าปีแล้วความพร้อมก็คือผู้สมัครหรือ ส.ส. ก็ต้องลงไปดูแลพื้นที่ให้เต็มที่ คนที่มีบทบาททางการเมืองก็ต้องทำหน้าที่ผลักดันนโยบายต่างที่ เราได้ให้สัญญาไว้กับประชาชน แต่ตอนนี้มันมีปัญหาเรื่องสถานการณ์โควิด 19 แทรกเข้ามา ซึ่งเราก็ต้องทำให้ดีที่สุด เมื่อเราไปห้ามให้คนติดเชื้อไม่ได้ เราก็ต้องทำให้เกิดความมั่นใจเรื่องการรักษาและป้องกัน ซึ่งเราก็ทำมาระดับหนึ่งแล้ว
***** เมื่อถามถึงการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งครั้งหน้า หากพรรคภูมิใจไทยมีผู้นำที่ดีกว่ามารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคพร้อมจะถอยให้คนอื่นหรือไม่
นายอนุทินกล่าวว่า ถ้าสมมุติมีคนที่มีความเหมาะสมมากกว่า มาแล้วทำพรรคได้ดีกว่าเราจะไปปิดกั้นโอกาสทำไมใครก็ตามที่เข้ามาแล้วทำให้บ้านเมืองได้ เราต้องเปิดโอกาสให้ทั้งนั้น แต่ตอนนี้ผมก็ยังเป็นหัวหน้าพรรคอยู่
***** มีกระแสข่าวว่าผู้มีอำนาจในพรรคจะผลักดัน “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผบ.ตร. ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่
นายอนุทินกล่าวว่า ต้องถามว่าเรื่องนี้ใครเป็นคนพูด ข่าวมาจากใคร จะให้ตอบว่าไง ในพรรคก็อยู่กันแบบนี้ ไม่เคยมีการพูโคุยกันเรื่องนี้ ผมก็ไม่เคยทำอะไรบกพร่องในฐานะหัวหน้าพรรค
*****อนาคตถ้ามีอุบัติเหตุไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยจะรู้สึกเสียใจน้อยใจไหม
นายอนุทินกล่าวว่า ปีนี้ผมอายุ 55 แล้ว ผมไม่อยากเป็นคนติดใจการเมืองจน 60 ปี หากครบวาระแล้ว ไปต่อแล้วไม่เป็นประโยชน์กับบ้านเมือง หรือไฟหมด หมดไฟ เราก็อาจจะต้องหาทางที่ดีที่สุดกับตัวเอง ถ้ามีคนที่ดีกว่าผมมาดูแลพรรคก็พร้อมลุกชัวร์ ถึงตอนนี้ผมเป็นหัวหน้าพรรคมาตั้งแต่ปี 2555 ถึงตอนนี้ก็ 9 ปีแล้วในตำแหน่งหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ถ้าครบเทอมรัฐบาลนี้พ.ศ. 2566 ก็ครบ 11ปี อย่างที่บอกผมคนพันธ์พิเศษ ถ้ามันม่ไหวจริงๆ ก็ไม่ต้องมีคนมาไล่ ผมก็ไปของผมเอง
***** ได้คุยกับนายเนวินไหม นายเนวินส่งสัญญาณอะไรหรือไม่
นายอนุทินกล่าว คุณเนวินส่งสัญญาณอะไรในพรรคไม่ได้ เพราะคุณเนวินไม่ได้เป็นอะไรในพรรค แต่ในฐานะที่เป็นคนสนิทชิดเชื้อกัน ก็ทุบหลังให้กำลังใจกันตลอดเวลา
*****เลือกตั้งคราวหน้ายังประกาศตัวขออาสาเป็นนายกฯบริหารประเทศหรือไม่
นายอนุทินกล่าวว่า หากเป็นหัวหน้าพรรคเราก็ต้องกล้าประกาศตัว ถ้าไม่พร้อมเป็นนายกฯใครจะมาเลือก แต่จะเป็นได้ก็ต้องให้คนมาเลือก รัฐธรรมนูญฉบับนี้มันชัดเจนต้องใส่ชื่อนายกฯไว้ด้วยว่าจะเสนอใคร จนถึงขณะนี้ก็ยังมั่นใจว่าพรรคก็ยังเสนอชื่อผม
***** มองบทบาทการทำงานของตัวเองอย่างไร ทั้งในบทบาทรองนายกฯและรมว.สาธารณสุข
นายอนุทิน กล่าววว่า เต็มร้อย เพราะทำงานหามรุ่งหามค่ำ ทั้งภาคการเมืองทั้งฝ่ายบริหารทั้งนิติบัญญัติ เต็มสิบก็ให้สิบเต็ม
***** ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคภูมิใจไทย
นายอนุทินกล่าวว่า หลักการเรื่องนี้เราจะแก้ในเรื่องที่จะทำให้ประชาธิปไตยมีความสมบูรณ์ เรื่องไหนที่ไม่เกิดประโยชน์กับประชาชน เกิดประโยชน์แค่กับพรรคการเมืองได้ฝ่ายเดียวเราก็ไม่ผลักดัน เวลาจะแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องแก้ไขให้ประโยชน์ตกกับประชาชนตกกับประเทศไม่ใช่ตกกับตัวเอง ถ้ามีการแก้ไขแล้วประโยชน์เกิดกับตัวเองหรือเกิดกับส่วนใดส่วนหนึ่งแต่ไม่ใช่ของส่วนรวมเราก็ไม่สนใจที่จะแก้
***** ต่อข้อถามว่าพรรคภูมิใจไทยเห็นด้วยการระบบการเลือกตั้งแบบเดิมที่ใช้บัตรใบเดียวหรืออยากแก้กลับไปเป็นแบบ 2 บัตร มีระบบเขตและระบบปาร์ตี้ลิสต์
นายอนุทินกล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยไม่เคยมีปัญหากับรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 จริงๆแล้วไม่แก้ก็ได้ เพราะบทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญจะหมดไปในปีที่ 5 ตอนนี้เข้าสู่ปีที่ 3 แล้ว ปีหน้าปีที่ 4 แล้ว เราไม่มีปัญหาอะไร เราโอเคกับรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ถึงแม้จะมีบางมาตราที่ดูแล้วยังมีคราบไคล้เผด็จการอยู่ แต่อย่างที่บอกทุกอย่างจะจบไปในปีที่ 5 การเลือกนายกฯโดยวุฒิสภาก็จะจบไปในปีที่ 5 รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีจุดแข็งหลายจุดในเรื่องของการป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตคปรัปชั่นส์ชัดเจน ทำให้มีการคานอำนาจกันระหว่างนิติบัญญัติและบริหาร ไม่งั้นไม่มีการอภิปรายดุเด็ดเผ็ดมันส์แบบนี้สุดท้ายมันก็ทำได้ดี
/////////////
