วันที่ 12 มิ.ย. – นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายสุทธิปัญญาสกุลวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย แถลงชี้แจงกรณีถูกปลอมแปลงเอกสารขอฝากนักเรียนเข้าเรียนในโรงเรียนดังแห่งหนึ่ง ว่ามีการปลอมลายเซ็น รวมถึงตราของพรรคประชาธิปัตย์ นำมาจากอินเทอร์เน็ต ปลอมทั้งฉบับ ทำให้ทั้งนายสุทธิ และคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รวมถึงพรรคประชาธิปัตย์เกิดความเสียหาย
นายราเมศ ระบุว่า การกระทำดังกล่าวชัดเจนว่าพยายามทำให้เกิดความขัดแย้งกันระหว่างคุณหญิงกัลยากับนายสุทธิ ทั้ง ๆ ที่ทั้งสองคนมีความสนิทสนมกัน และไม่มีปัญหากันตามที่มีการนำเสนอ คาดว่าเป็นการเสี้ยมจากกลุ่มการเมืองบางกลุ่มที่ต้องการดิสเครดิตทางการเมือง โดยยังพบว่ามีการนำเรื่องนี้ไปขยายต่อ มีการโพสต์ลงในโซเชียลมีเดียบางเพจ ซึ่งทนายความได้แจ้งความฐานหมิ่นประมาทฐานปลอมแปลงเอกสาร และความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯเป็นการนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ขณะนี้เรื่องอยู่ระหว่างตำรวจดำเนินการสืบสวนสอบสวนหาผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี
นายราเมศกล่าวว่า คงไม่มีใครโง่ที่จะทำแบบนี้ หาวิธีการเอาชนะใจประชาชนในการทำงานการเมืองดีกว่า อย่าใช้วิธีสกปรกแบบนี้ บัตรประชาชนก็ขออย่าแชร์ข้อมูลข่าวเท็จควรใช้ความระมัดระวังในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารและส่งต่อ ควรใช้โซเชียล ให้เป็นประโยชน์ไม่ควรใช้โจมตีเพราะการที่สร้างข่าวเท็จและเผยแพร่ในสังคมออนไลน์ทันทีโดยไม่มีการคัดกรองว่าถูกต้องหรือไม่ ถือเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก สังคมจะเกิดความวุ่นวายกันทั้งหมด
ด้านนายสุทธิ ยืนยันว่า ตนไม่เคยทำเอกสารดังกล่าวและที่ถูกเผยแพร่เป็นเอกสารปลอม ซึ่งได้ให้ทีมทนายความเข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.บางซื่อไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมา พร้อมทั้งให้ตำรวจประสานไปรษณีย์ไทยสาขาสามเสน เพื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิด หาตัวผู้ส่งจดหมายปลอมดังกล่าวมาสอบสวนดำเนินคดี
นายสุทธิกล่าวต่อว่า ตนไม่เข้าใจว่าผู้ที่กระทำอย่างนี้มีความตั้งหวังอะไร เพราะเท่าที่อ่านจากเนื้อหาสาระ เรื่องการฝากเด็กเข้าเป็นเพียงแค่การจั่วหัวเท่านั้น แต่เรื่องอื่นน่าจะเป็นการเสี้ยมให้ตนเกิดปัญหากับบุคคลอื่นด้วย ที่ผ่านมาหลังจากไปแจ้งความแล้ว ตนก็นิ่งเฉย เพราะต้องการรอให้ผู้กระทำผิดนั้นเปิดเกมเผยแพร่ทางออนไลน์ก็จะทำให้เห็นตัวผู้กระทำความผิดได้ชัดขึ้น ซึ่งเมื่อวานก็เริ่มเปิดเกมขึ้นมาของผู้ไม่หวังดี ตนยืนยันว่าไม่เคยมีปัญหากับใคร เรื่องนี้ปล่อยให้ตำรวจสืบสวน ทั้งลายนิ้วมือต่างๆ ที่ปรากฏในเอกสารด้วย