วันที่ 11 มิ.ย. – ที่รัฐสภา การประชุมกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ในวันนี้ ( 11 มิ.ย. ) ที่ประชุมมีวาระในการพิจารณางบในหน่วยงานสังกัดกระทรวงการคลังสามหน่วยงานประกอบด้วย กรมศุลกากรวงเงิน 4,095,258,400 บาท กรมสรรพสามิตวงเงิน 2,194,317,000 บาท กรมสรรพากร 9,569,318,900 บาท
โดยนายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี ในฐานะโฆษกกรรมาธิการฯ เปิดเผยว่า ในส่วนของกรมสรรพสามิตที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับปัญหาบุหรี่เถื่อน ซึ่งมีกรรมาธิการให้ความเห็นว่าปัจจุบันบุหรี่เถื่อนในประเทศเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 30 ขณะที่บุหรี่ถูกกฎหมายในประเทศมีการซื้อขายลดลง ปัญหาส่วนหนึ่งเป็นเพราะกระทรวงสาธารณสุขเห็นว่าบุหรี่ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพจึงไม่ได้รับการสนับสนุน นอกจากนี้ยังมีการออกมาตรการควบคุมบุรี่อย่างเข้มงวด ทำให้บุหรี่เถื่อนต่างประเทศได้รับความนิยมสูงขึ้น เพราะไม่ต้องเสียภาษีและไม่มีมาตรการควบคุม การจัดเก็บภาษียาสูบจึงน้อยลง และเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบ ได้รับผลกระทบไปด้วยจึงเห็นควรให้ช่วยเหลือผู้ปลูกยาสูบและปรับปรุงโครงสร้างการจัดเก็บภาษีใหม่แก้ปัญหาการนำเข้าบุหรี่เถื่อน
โดยผู้แทนของกรมสรรพสามิตชี้แจงยืนยันว่า การปรับโครงสร้างภาษียาสูบให้องค์การยาสูงได้ประโยชน์ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะเป็นการดำเนินการที่ขัดต่อหลักการค้าระหว่างประเทศซึ่งจะต้องมีความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งนี้กรรมาธิการฯบางคนเสนอให้ส่งเสริมเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบ หันไปปลูกพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นแทนด้วย ซึ่งกรมสรรพสามิตยอมรับว่าภาครัฐมีนโยบายสนับสนุนให้เกษตรกรผู้ปลูกยาสูบหันไปปลูกพืชชนิดอื่นทดแทนแล้ว ซึ่งจะต้องมีการหารือกับผู้ปลูกอีกครั้งว่า ในพื้นที่แต่ละพื้นที่เหมาะสมที่จะปลูกพืชชนิดใดทดแทนเพราะมีพื้นที่ที่แตกต่างกัน ส่วนปัญหาการจัดเก็บภาษีด้านต่างๆของแต่ละหน่วยงานเป็นเรื่องที่คณะอนุกรรมาธิการฯจะกลับไปพิจารณาในรายละเอียดต่อไปเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์โควิด-19 ที่ประชาชนกำลังได้รับผลกระทบ
นายสรวุฒิ กล่าวอีกว่า หน่วยงานที่จะมีการพิจารณางบประมาณในลำดับถัดไปของกระทรวงการคลังยังมีอีก 10 หน่วยงานกับ 1 กองทุน อาทิ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะวงเงินงบประมาณถึง 249,890,977,600 และงบประมาณของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ อาทิ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร วงเงินกว่า 7 หมื่นล้าน , ธนาคารออมสินกว่า 4,000 ล้านบาท เป็นต้น