นับว่าเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมืองกันมายาวนานระหว่างพรรคภูมิใจไทย กับ สื่อย่านบางนาอย่างบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เพราะอดีตเคยมีเรื่องราวขัดแย้งกันมายาวนานในหลายเรื่องหลายประเด็น ย้อนอดีตกลับไปเมื่อ 11 ม.ค.2562 หลัง ฉาย บุนนาค ก้าวขึ้นมาเป็นรองประธานกรรมการบริษัท และ ประธานกรรมการบริหาร กุมบังเหียนเนชั่นกรุ๊ปทั้งหมด ดูเหมือนความขัดแย้งระหว่างสื่อในความดูแลของเขากับพรรคภูมิใจไทยจะเริ่มก่อตัวเกิดขึ้น แถมยังเป็นเวลาไล่เลี่ยใกล้เคียงกับที่ “มาดามเดียร์” วทันยา วงษ์โอภาสี ผู้เป็นภรรยา ได้รับการขยับขึ้นมาเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคพลังประชารัฐในช่วงเดือน พ.ค. 2562 ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ยังเป็นผู้สมัครโนเนมที่ยังไม่มีใครรู้จักมาก่อน
ในช่วงปี 2562 เครือเนชั่นกรุ๊ปเริ่มมีการนำเสนอข่าวความไม่ชอบมาพากลหลายโครงการภายใต้การดูแลของพรรคภูมิใจไทยโดยเฉพาะโครงการในความรับผิดชอบของกระทรวงคมนาคมออกมาเป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่อง ก่อนที่ท้ายสุดจะกลายเป็นข้อพิพาทจนเกิดเป็นเรื่องราวใหญ่โต
ราวต้นเดือนพ.ค. 2562 ส.ส.และสมาชิกพรรคภูมิใจไทยทั่วประเทศ ได้ทยอยเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับตำรวจเพื่อดำเนินคดีทางกฎหมาย กับ 3 พิธีกรของเครือเนชั่นกรุ๊ป ประกอบด้วย 1.สมชาย มีเสน 2.วีระศักดิ์ พงษ์อักษร และ 3. บากบั่น บุญเลิศ รวมถึงบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องจนถึงที่สุด ในข้อหาความผิดพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 หมิ่นประมาท ด้วยการโฆษณา หลังรายการข่าว “ เนชั่นสุดสัปดาห์ 3 บก.” ที่ออกอากาศในวันที่ 3 พ.ย.2562 ช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. ทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 ซึ่งบุคคลทั้ง 3 ได้เป็นผู้ดำเนินรายการ ได้พุ่งเป้าโจมตี ศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทยในฐานะ รมว.คมนาคม ด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยกล่าวหาว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนเกี่ยวกับสัมปทานรถตู้โดยสาร ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่ามีคนของพรรคภูมิใจไทยวิ่งเต้นต่อรองผลประโยชน์เพื่อขยายระยะเวลารถตู้โดยสารจาก 10 ปีที่หมดอายุใช้งานออกไป โดยไม่สนใจความปลอดภัยของประชาชน หนำซ้ำในรายการยังมีการประชาสัมพันธ์เชิญชวนประชาชนและข้าราชการทั่วประเทศ ที่พบเห็นพฤติกรรมของผู้แทนพรรคภูมิใจไทย เข้าข่ายแทรกแซงหรือสั่งการเรื่องใดโดยไม่ชอบ ให้ร้องเรียนมายังรายการได้โดยตรง ประเด็นนี้ถึงกับทำให้ศักดิ์สยามควันออกหูก่อนพรรคภูมิใจไทยมีมติให้สมาชิกพรรคปูพรมฟ้องสื่อเครือเนชั่นกรุ๊ปทั้งแผ่นดิน
หลังการขึ้นโรงพักในประเด็นดังกล่าว สื่อในเครือเนชั่นกรุ๊ปก็เกาะติดการทำงานของพรรคภูมิใจไทยมาตลอด มีการรายงานความไม่ชอบมาพากลในโครงการต่างๆภายใต้ความรับผิดชอบดูแลของพรรคภูมิใจไทยอย่างถี่ยิบด้วยความเข้มข้น ทั้ง ข่าว สัมภาษณ์ รายงานพิเศษ เกาะติดโครงการในมือพรรคภูมิใจไทยทุกเรื่องอย่างต่อเนื่อง มีการกระทบกระทั่งตอบโต้กันมาตลอด ถัดจากนั้นไม่นานก็เกิดกรณีเสนอข่าวกล่าวหาและใช้รูปภาพเชื่อมโยงให้คนเข้าใจผิดว่าอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย มีเอี่ยวในฐานะผู้บริหาร บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ถูกคณะกรรมการป.ป.ช. ชี้มูลความผิดกรณีเอื้อประโยชน์ให้เรือลำเรียงอุปกรณ์เครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าขนอม ทั้งๆที่ความจริงนายอนุทินได้พ้นจากการเป็นผู้บริหารบริษัทดังกล่าวมานานกว่า 15 ปีแล้ว รวมถึงการนำเสนอประเด็นล้มประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่มีการเสนอข่าวโจมตีนายศักดิ์สยามมาตลอด ควบคู่ไปกับการนำเสนอข่าวความไม่ชอบมาพากลโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของศักดิ์สยาม
จากนั้นเป็นต้นมาเครือเนชั่นกรุ๊ปก็เปิดฉากทำ “สงครามสื่อ” กับพรรคภูมิใจไทยมาตลอด ก่อนจะมาเกิดประเด็นดราม่าใหญ่โตขึ้่นอีกครั้ง หลังมาดามเดียร์และเพื่อนส.ส.ในนามกลุ่มดาวฤกษ์ 6 คน จากพรรคพลังประชารัฐขอสงวนสิทธิ์ “งดออกเสียง” ไม่ยอมยกมือให้ศักดิ์สยาม ระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 16-19 ก.พ.2564 ต้นปีที่ผ่านมา โดยให้เหตุผลว่า ไม่พบคำชี้แจงที่ชัดเจนเพียงพอของศักดิ์สยาม ในการตอบคำถามอภิปรายของ พรรคฝ่ายค้านและทำให้สังคมตั้งข้อกังขา เกิดข้อสงสัยที่ยังไม่ได้รับคำตอบชัดเจน คือ เรื่องการเปลี่ยนเงื่อนไข (TOR) และการล้มการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม และ การไม่ปกป้องหรือเรียกคืนที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ในพื้นที่เขากระโดง จ.บุรีรัมย์ งานนี้กลายเป็นแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ครั้งแรกในรัฐบาลผสมของพล.อ.ประยุทธ์ เพราะอนุทินออกมาส่งสัญญาณติดใจ ที่ศักดิ์สยามถูกดูหมิ่น พรรคภูมิใจไทยถูกหยามเกียรติดูแคลน ร้อนถึงพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐต้องออกโรงมาสงบศึกพรรคร่วมก่อนบานปลาย สุดท้ายก็ลงโทษแค่ตัดมาดามเดียร์พ้นวิปรัฐบาล ส่วนสมาชิกแก๊งค์ดาวฤกษ์คนอื่นๆ ก็ถูกแบนการทำหน้าที่ในคณะกรรมาธิการต่างๆเป็นเวลา 3 เดือน
ความวัวยังไม่หายความควายเข้ามาแทรกอีก คราวนี้เป็นคิวของพรรคภูมิใจไทยตกเป็นจำเลยโดนเอาคืนบ้าง หลังเกิดคลัสเตอร์สถานบันเทิงยามราตรีย่านทองหล่อ จนถูกยกให้เป็นต้นตอการแพร่โควิดระลอก 3 ช่วงปลายเดือนมี.ค.ต่อเนื่องต้นเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา โดยงานนี้มีการเชื่อมโยงชื่อของศักดิ์สยามเข้าไปเกี่ยวข้องแม้เจ้าตัวออกมาปฏิเสธแข่งขันไม่เกี่ยวข้องไม่ใช้คนในข่าว แต่งงานนี้ทางศักดิ์สยามและพรรคภูมิใจไทยก็ถูกสื่อในเครือเนชั่นกรุ๊ปเอาคืนแบบเต็มๆ ฟาดกลับแบบไม่เลี้ยง โดยเฉพาะการพุ่งเป้าตั้งข้อสังเกตเป็นรัฐมนตรีฉาวไปเที่ยว “คริสตัล – เอมเมอรัล คลับ” จนกลายเป็นต้นเหตุแพร่ระบาดของโควิดจนลุกลามไปทั่วเมืองหลวง งานนี้ศักดิ์สยามไม่ทนส่งทนายแจ้งความดำเนินคดีที่สถานีตำรวจบุรีรัมย์ เอาผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์และอาญา กับ มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กรณีเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จ หลังไลฟ์สดบิดเบือนเรื่องราวที่เกิดขึ้นจนทำให้เสียหาย รวมถึงฟ้องเอาผิดกับ 1. กลุ่มบริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จํากัด 2. ผู้บริหารในเครือ รวมถึง 2 พิธีกรที่จัดรายการ “เนชั่นทันข่าวค่ำ” ทางเนชั่นทีวี และ ช่องยูทูบ เมื่อ 4 เม.ย.2564
อย่างไรก็ตามระหว่างชุลมันตอบโต้กันเรื่้องโควิดอย่างเมามันส์ระหว่างเครือเนชั่นกับพรรคภูมิใจไทย ก็ปรากฎภาพซีอีโอตัวพ่อเครือเนชั่นกรุ๊ปเข้าร่วมงานเลี้ยง Digital Tranformation for CEO # 3 ในแบบเฮฮาปาร์ตี้กับบรรดาไฮโซ นักธุรกิจ นักการเมือง แบบไม่เว้นระยะห่าง ไม่เคารพกฎกติกาศบค. สุ่มเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโควิด งานนี้เลยทำให้พรรคภูมิใจไทยได้โอกาสฟาดกลับเอาคืนสื่อเครือเนชั่นแบบเต็มๆ พร้อมกระแทกกลับมาดามเดียร์ที่เคยโพสต์เฟซบุ้คเหน็บกรณีคลัสเตอร์สถานบันเทิงทองหล่อเรียกร้องให้รัฐมนตรีที่ตกเป็นข่าวเปิดเผยไทม์ไลน์ แฟร์กับประชาชน หน้าที่ต้องมาพร้อมความรับผิดชอบ และจิตสำนักต่อสังคม ย้อนกลับแกนนำกลุ่มดาวฤกษ์ในทำนอง “ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง” เรียกร้องคนอื่นแล้วฝ่ายตัวเองได้ทำหรือไม่ เจอไป 2 ดอก ทั้งคดีทั้งตอบโต้สารพัดจากขุนพลพรรคภูมิใจไทย สุดท้ายฉายต้องออกมาเอาคืนคู่กรณีโดยโพสต์เฟซบุ๊ค 23 เม.ย. 2564 สไตล์หมูไม่กลัวน้ำร้อนไม่กังวลการฟ้องปิดปากของศักดิ์สยามและพรรคภูมิใจไทย สวนกลับแบบตรงๆ ไม่กลัวนักการเมือง อย่าคิดเอาฝ่ามือไปปิดฟ้า ไม่มีทางจะปิดได้มิด ขอเดินหน้าเสนอข่าวต่อไป ก่อนที่ 30 เม.ย. 2564 เครือเนชั่นจะออกหนังสือร้องขอความเป็นธรรมในการดำเนินคดี ถึง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. หลังถูกศักดิ์สยามร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อขอความเป็นธรรมต่อพนักงานสอบสวน ชนิดแลกกันคนละหมัดแบบไม่มีใครยอมใคร
ทั้งหลายทั้งมวลคือจุดเริ่มต้นคือที่มาของมหากาพย์ขัดแย้ง “ภูมิใจไทย-เนชั่น” สงครามท่ามกลางผลประโยชน์มหาศาลที่ไม่มีใครยอมกัน
