เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 10 มิ.ย. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาพ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2564 เพิ่มเติม วงเงินไม่เกิน 500,000 ล้านบาทต่อเป็นวันที่สอง โดยมีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย อภิปรายสรุปในส่วนของพรรคร่วมฝ่ายค้านว่า พ.ร.ก.ฉบับนี้เป็นฉบับเพิ่มเติมจากพ.รก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ที่มีเนื้อหาสาระเหมือนกันทุกประการ เว้นแต่ข้อความบางเรื่องที่แตกต่างกัน ในการอนุมัติ พ.ร.ก. เป็นหน้าที่สภาฯ ที่เป็นตัวแทนประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตยตรากฎหมายราชการแผ่นดิน เราเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ เป็นผู้ออกกฎหมาย และรัฐบาลเป็นผู้นำกฎหมายไปใช้ ดังนั้นจะต้องรายงานและเปิดโอกาสให้เราตรวจสอบการใช้อำนาจของท่านด้วย ตอนนี้ประชาชนยากลำบาก ชีวิตไร้ความหวัง มีคนป่วย คนใกล้ตาย ท้อแท้สิ้นหวังไร้อนาคต และเขาเหล่านั้นจะเป็นคนอนุญาตให้พล.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำเงินในอนาคตของเขาไปใช้ได้หรือไม่ สภาฯ แห่งนี้เป็นที่ทำการแทนประชาชนและพูดแทนประชาชน หัวหน้ารัฐบาลมาพูดในนี้ก็เหมือนพูดกับประชาชน แต่เมื่อวานหดหู่มาก ผู้นำประเทศที่เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารกลับใช้เวทีนี้ในลักษณะท่าทีขึ้นเสียง กรนด่า วิพากษ์วิจารณ์สมาชิกสภาฯ ที่เป็นตัวแทนประชาชน ซึ่งประธานที่ประชุมต้องเตือนว่าการขึ้นเสียงนั้นคือการขึ้นเสียงกับประธาน ควรเตือนให้มีมารยาท เพราะนี่คือสภาฯ ของประชาชน
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาโควิด- 19 ด้วยวัคซีน ตนมองว่ากลายเป็นภาระแห่งชาติ ไม่ใช่วาระแห่งชาติ เพราะจากความไม่พร้อมของการบริหารวัคซีน ทำให้โรงพยาบาลต้องเลื่อนนัดฉีดวัคซีน จนทำให้หมอ และคนไข้มีความขัดแย้ง หากพล.อ.ประยุทธ์เป็นหมอจะเป็นหมอที่ทำให้อาการของคนไข้แย่ลง มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,300 ราย ภายใน 2 เดือนและมีคนไข้สะสมหลักแสนคน พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีภาวะผู้นำ เพราะการชี้แจงต่อสภาฯ มีเจตนาเสียดสี
“นายกรัฐมนตรี ไม่มีความมั่นใจต่อการระงับการระบาดของโควิด-19 ได้ จากที่ชี้แจงเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ผมมองว่าสิ่งที่แก้ไขง่าย ต้องใช้เงินกู้ เพื่อให้เกิดประโยชน์และเพื่อระงับการระบาดของโควิดเท่านั้นภายใน1 ปี ส่วนงานฟื้นฟูที่เสนอกว่า 4 หมื่นล้านบาท โครงการเป็นแผนงานปกติ ไม่ใช่แก้ปัญหาและไม่ควรใช้เงินกู้ แต่ควรนำเข้าระบบงบประมาณปกติ ดังนั้นผมเชื่อว่ากู้เงินอีกรอบในวงเงิน 5 แสนล้านบาท จะไม่สามารถระงับยังยั้งการแพร่ระบาดได้ เพราะความล้มเหลวจากการใช้เงินกู้ก้อนแรก” นพ.ชลน่าน อภิปราย
นพ.ชลน่าน อภิปรายว่า ขอเรียกร้องให้ประชาชนฟ้องร้องทางละเมิดกับพล.อ.ประยุทธ์ เพื่อให้เป็นตัวอย่างว่าเป็นผู้นำที่ทำให้ประชาชนเสียหาย และเสียชีวิต ซึ่งตนมองว่าเป็นการตัดวงจรชีวิตประชาชนแบบไร้จริยธรรม กรณีที่องค์กรได้คนโง่และขยัน เป็นผู้นำ ทำให้องค์กรเสียหาย ส.ส.พรรคฝ่ายค้านไม่อนุมัติพ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพราะ 1.การให้กู้เงินไปก่อนหน้านั้นไม่สามารถระงับยับยั้งควบคุมการระบาด เยียวยาไม่ตรงประเด็น ฟื้นเศรษฐกิจไม่ได้ 2.เหตุที่ฝ่ายค้านไม่อนุมัติ เพราะไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน ควรใช้เป็นกฎหมายงบประมาณแทนการออกพ.ร.ก. แต่การบริหารกลับเป็นการบริหารแบบปกติ 3. ผู้นำไม่มีความเหมาะสมเป็นผู้นำ ตนต้องการความเชื่อมั่นจากผู้นำ แล 4. การฟื้นประเทศ ยับยั้งวิกฤต โรคระบาด และพลิกฟื้นเศรษฐกิจต้องเปลี่ยนตัวผู้นำ ส่วนที่บอกว่าจะยุบสภา และอีก 1 ปี ขณะนี้มีสัญญาณแก้รัฐธรรมนูญและไทม์ไลน์เป็นไปตามนั้น เพราะคิดว่าพวกของท่านจะได้ประโยชน์
“หากท่านลาออก ประชาชนจะยกย่องเป็นวีรบุรุษ ดังนั้นขอให้ท่านออกเพื่อบ้านเมือง แต่หากดื้อต่อไป จะเป็นคนที่ประชาชนเกลียดชัง และขนานนามว่าเป็นทรราชย์ เพราะท่านทำร้ายและเข่นฆ่าประชาชน ดังนั้นขอให้ออกเพื่อบ้านเพื่อเมือง” นพ.ชลน่าน กล่าว
จากนั้นนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ตนจะรับข้อเสนอแนะทุกความเห็นของส.ส.ไปปรับปรุงวิธีการทำงานทั้ง 3 แผนงาน เพื่อให้มีความชัดเจน และลงไปกลุ่มเป้าหมายให้มากยิ่งขึ้น
จากนั้นที่ประชุมสภา ได้ลงมติให้ความเห็นชอบพ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2564 เพิ่มเติม วงเงินไม่เกิน 500,000 ล้านบาท ด้วยคะแนน 270 ต่อ 196 เสียง งดออกเสียง 1 คน และไม่ลงคะแนน 2 คน