เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 10 มิ.ย. นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม พานายไชย์พล วิภา หรือลุงพล ผู้ต้องหาคดีน้องชมพู่ ที่อยู่ระหว่างประกันตัวชั้นศาล เดินทางเข้ามาแถลงข่าวในรัฐสภาระหว่างการอภิปรายชี้แจงการออกพ.ร.ก กู้เงินเพิ่ม 5 แสนล้านบาท เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ที่ผ่านมาว่า ตนได้ชี้แจงกับผู้ใหญ่พรรคพลังประชารัฐไปแล้วว่า การรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนของคณะกรรมาธิการกฎหมายฯ มีการปฎิบัติทุกวัน บางวันรับเรื่องจากประชาชนกว่า 10 คน และไม่ได้เลือกปฎิบัติใครเป็นผู้เสียหายที่มายื่น ไม่ได้เลือกว่าคดีดังหรือไม่ดัง เพราะถือเป็นเรื่องปกติในการทำหน้าที่ช่วยเหลือประชาชน ซึ่งส่วนตัว ตนไม่กังวลว่านายกฯจะไม่พอใจ เพราะเชื่อว่าท่านจะเข้าใจสิ่งที่ตนชี้แจงไป เมื่อประชาชนมีปัญหามาเรียกร้องต่อกรรมาธิการ ตนในฐานะประธานฯ ถ้าไม่รับเรื่องจะถือว่าละเว้นการปฎิบัติหน้าที่หรือไม่
นายสิระ กล่าวต่อว่า การทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติที่สำคัญที่สุด คือจะทำอย่างไรให้ประชาชนสามารถเข้าถึง รู้ช่องทางที่จะทำให้ประชาชนสามารถเรียกร้องและปกป้องสิทธิของตัวเองได้ เพราะในบางครั้งประชาชนอาจจะรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม มีประชาชนจำนวนมากมาร้องเรียนว่า คดีความไม่คืบหน้า หรือถูกตัดสินแบบไม่เป็นธรรม ไม่แตกต่างจากกรณีของลุงพล แต่ประชาชนเหล่านี้ไม่ได้ถูกสังคมจับตามมอง ก็ไม่มีสื่อให้ความสนใจ เพราะฉะนั้นเหตุการณ์เมื่อวาน ตนไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องพิเศษแต่อย่างใด
เมื่อถามว่ารู้สึกน้อยใจหรือไม่ นายสิระ กล่าวต่อว่า เป็นเรื่องปกติของการทำงาน บางครั้งตนก็ได้รับคำชม บางครั้งก็โดนติ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติอะไร
เมื่อถามต่อว่า เมื่อรับเรื่องขอความเป็นธรรมจากลุงพลมาแล้วจะดำเนินการอย่างไรต่อไป นายสิระ กล่าวว่า ก็ต้องนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมกมธ.กฎหมายฯ ภายในสัปดาห์หน้า และก็ขึ้นอยู่กับว่าที่ประชุมว่าจะรับเรื่องไว้พิจารณาหรือไม่ หากบรรจุวาระเรื่องดังกล่าวนี้ จึงค่อยมีมติอีกครั้งว่าจะเชิญใครมาชี้แจงเข้าให้ข้อมูลนี้ ทั้งนี้ในวันที่ 12 มิถุนายน ตนและกรรมาธิการจะลงพื้นที่ไปยังบ้านกกกอก เพื่อพบกับแม่ของน้องชมพู่และเจ้าพนักงานสอบสวนด้วย