ประเทศที่เคยเป็นต้นแบบของการจัดการโควิด 19 อย่างเวียดนาม แต่ตอนนี้ด้วยจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น 3 เท่า จนมียอดผู้ป่วยสะสมเกือบ 9 พันคน ทำให้ภาครัฐค่อนข้างตื่นตระหนก แม้ว่าจำนวนดังกล่าวจะต่ำพอสมควรเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่อัตราการฉีดวัคซีนต่อหัวของเวียดนามก็ต่ำที่สุดในภูมิภาค และต่ำที่สุดในเอเชียเช่นกัน โดยขณะนี้ เวียดนามได้ให้วัคซีนไปเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ของประชากรเกือบ 100 ล้านคนเท่านั้น
ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ประชาชนผู้ใช้โทรศัพท์มือถือได้รับข้อความถึง 3 ข้อความที่เรียกร้องให้พวกเขาบริจาคเงินเข้ากองทุนวัคซีนป้องกันโควิด 19 ในขณะที่ข้าราชการได้รับการขอร้องให้แบ่งเงินค่าจ้างจำนวน 1 วันของพวกเขาบริจาคเข้ากองทุน ชาวเมืองบางคนกลัวผลกระทบของไวรัสต่อเศรษฐกิจของเวียดนาม จึงเห็นด้วยในเรื่องของการระดมทุน
เหงียน ตวน อันห์ ข้าราชการพลเรือนได้กล่าวว่าเขาได้โอนเงินประมาณ 50 เหรียญสหรัฐ ผ่านการโอนเงินธนาคารและการชำระเงินผ่านระบบเอสเอ็มเอส เนื่องจากวัคซีนนั้นหมายถึง เศรษฐกิจของเวียดนามจะกลับมามีเสถียรภาพและพัฒนาได้อีกครั้ง
จังหวัดทางเหนือที่เป็นเขตอุตสาหกรรมของเวียดนาม ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานสำคัญๆ เช่น ซัมซุง และ ฟอกซ์คอนน์ ต่างได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการระบาดครั้งล่าสุด ขณะนี้ทั่วประเทศ ประชาชนหลายหมื่นคนต้องตกงาน โดยบาร์และร้านอาหารต่างๆในศูนย์กลางสำคัญๆ เช่น ฮานอย และโฮจิมินห์ ซิตี้ ถูกบังคับให้ปิด และกิจกรรมที่ต้องรวมตัวกันในที่สาธารณะก็ต้องยกเลิกเช่นกัน
รัฐบาลเวียดนามได้ตั้งเป้าหมายที่จะรับวัคซีน 150 ล้านโดสในราคา 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปีนี้ เพื่อให้ครอบคลุม 70% ของประชากรทั้งหมด แต่ขณะนี้ได้รับการจัดสรรงบประมาณสำหรับการจัดหาวัคซีนเพียง 630 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น
นายกรัฐมนตรี ฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ ได้มีแถลงในการเปิดโครงการระดมทุนครั้งนี้ว่า เงินสนับสนุนจากชุมชนและสังคม เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้โครงการนี้เกิดขึ้นได้ กระทรวงการคลังกล่าวว่า จนถึงวันอังคาร บุคคลและองค์กรมากกว่า 231,000 แห่งได้บริจาคเงินจำนวน 181 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับโครงการนี้ และยังมีอีก 140 ล้านเหรียญสหรัฐได้รับมาจากภาคธุรกิจ
อย่างไรก็ดีโครงการระดมทุนนี้ยังมีคนกังขาว่าเงินบริจาคจะถูกใช้เพื่อจุดประสงค์เรื่องวัคซีนเพียงเรื่องเดียวหรือไม่ จึงยังไม่ไว้ใจที่จะบริจาค