นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขแถลงภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติครั้งที่ 2 ว่าที่ประชุมเห็นชอบ หลักการแผนและมาตรการรองรับการเปลี่ยนผ่านการระบาดของโรคโควิด 19 สู่โรคประจำถิ่น ซึ่งเวลานี้หลายประเทศที่เตรียมการเปลี่ยนผ่านโควิด 19 ไปสู่โรคประจำถิ่น เช่น ประเทศในทวีปยุโรป โดยของไทยเน้นอยู่ บนพื้นฐานสุขภาพที่ดีของคนไทยทุกคน และการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เช่น มาตรการ การเฝ้าระวังและมาตรการสำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศ การเฝ้าระวังในประเทศ การสอบสวนโรค การบริหารจัดการวัคซีน มาตรการป้องกันและควบคุมโรค มาตรการด้านการแพทย์ รวมถึงมาตรการทางกฎหมายที่จะต้องมีการปรับให้สอดลคล้องเช่นการยกเลิก ประกาศ พรก.ฉุกเฉินเพื่อการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด -19 และมาตรการทางสังคมในส่วนของประชาชน ก็ยังต้องปฏิบัติตามมาตรการส่วนบุคคลอยู่ และเคร่งเรื่องการรับวัคซีนตามกำหนด
ขั้นตอนกำหนดตามสถานการณ์เป็นระยะๆ เป้า 4 เดือนต่อจากนี้ ภายใต้ความปลอดภับของประชาชน โดยปัจจัยการพิจารณา คืออัตราการ การควบคุมโรค อัตราการเสียชีวิตภายในประเทศ ที่สอดคล้องกับมาตรฐานที่กำหนด ขององค์การอนามัยโลก เบื้องต้นที่หลักสากล กำหนดอยู่ที่ 1ในพัน หมายความว่า ใน1พันคนมีผู้เสียชีวิต1 คน หรือ อัตราผู้เสียชีวิต เฉลี่ยต้อง ไม่เกิน ร้อยละ 0.1 ความพร้อมยาในการรองรับผู้ป่วย การเข้าถึงยาอย่างรวดเร็ว และขอให้กรมควบคุมโรค ทำข้อมูลอย่างละเอียดในการจำแนกปัจจัยการเสียชีวิตของผู้ป่วยโควิด-19 เพื่อจะได้รู้ปัจจัยเสี่ยงและสาเหตุการเสียชีวิตรวมไปถึงมาตรการทางสังคมอื่นๆที่จะต้องมีการปรับให้สอดลคล้องเช่นการยกเลิก ประกาศ พรก.ฉุกเฉินเพื่อการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด -19
ขณะเดียวกัน เร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 ในกลุ่มเสี่ยง กลุ่มผู้สูงอายุ ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนโควิด ที่มีกว่า 2 ล้านคน รวมถึงกลุ่มที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น ให้เข้ารับก่อนช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่เบื้องต้นไม่ได้มีการห้ามเดินทาง ประชาชนสามารถที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนาได้ แต่ขอให้ทุกคนปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด