No data was found

“ศรีสุวรรณ” ลุยฟ้องป.ป.ช.เพิ่ม สอบฉ้อฉลประมูลท่อส่งน้ำ EEC มูลค่า 2.5 หมื่นล้าน ขัดมติครม.ปี 2535

กดติดตาม TOP NEWS

"ศรีสุวรรณ" ลุยฟ้องป.ป.ช.เพิ่ม สอบฉ้อฉลประมูลท่อส่งน้ำ EEC มูลค่า 2.5 หมื่นล้าน ขัดมติครม.ปี 2535

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงการคลังเปิดประมูลโครงการบริหารท่อส่งน้ำสายหลักภาคตะวันออก ถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกพบว่าบ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัดหรืออีสต์วอเตอร์ เป็นผู้ได้คะแนนสูงสุด แต่คณะกรรมการกลับมีมติยกเลิกการประมูลดังกล่าวและให้ประมูลใหม่ โดยอ้างว่า TOR ที่คณะกรรมการคัดเลือกมีมติรับรองแล้วนั้นไม่ชัดเจน ทั้งๆที่คณะกรรมการคัดเลือกเป็นผู้กำหนดและพิจารณามีมติรับรองมาแล้วก่อนที่จะให้เอกชนเสนอรายละเอียดเข้าร่วมประมูล

ต่อมามีการเปิดประมูลครั้งที่ 2 ผลปรากฏว่า บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด เสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้ภาครัฐสูงสุด 25,693.22 ล้านบาท ตลอดอายุสัญญา 30 ปี เอาชนะ บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก (EASTW) หรือ ‘อีสท์วอเตอร์’ ซึ่งเสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้ภาครัฐ 24,212.88 ล้านบาท ตลอดอายุสัญญา 30 ปี

การใช้อำนาจของคณะกรรมการดังกล่าวมีข้อพิรุธหลายประการ จนมีการนำความไปฟ้องศาลปกครอง และสมาคมฯได้ยื่นร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.ไปแล้วเมื่อ 3 ธ.ค.64 ที่ผ่านมา โดยชี้ให้เห็นถึงข้อผิดพลาดหลายประการที่ส่อไปในทางที่ไม่ชอบด้วยพรบ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหาร พัสดุภาครัฐ 2560 พรบ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ 2542 และพรบ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ 2561 และชี้ให้เห็นถึงความไม่ชอบมาพากลอีกหลายประการ

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ล่าสุด สมาคมฯได้ตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 ก.พ.2535 พบว่าคณะรัฐมนตรีเป็นผู้อนุมัติให้มีการก่อตั้งบริษัทอีสต์วอเตอร์ขึ้นมาเอง โดยให้การประปาส่วนภูมิภาคเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด และให้โอนสิทธิหรือเช่าบริหารทรัพย์สินจากหน่วยงานต่างๆมาให้บริษัทดังกล่าวดูแล เช่น ท่อส่งน้ำดอกกราย-มาบตาพุด ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ท่อส่งน้ำหนองค้อ-แหลมฉบัง ของกรมโยธาธิการฯ ท่อส่งน้ำมาบตาพุด-สัตหีบ ของกรมชลประทาน เป็นต้น โดยมีเงื่อนไข 3 ประการ คือ 1)ปริมาณน้ำดิบที่ต้องจัดสรรนั้น ควรให้ความสำคัญกับนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดเป็นอันดับแรก 2)การกำหนดอัตราค่าน้ำ ควรกำหนดในอัตราที่เหมาะสม ไม่ควรมุ่งค้ากำไรเกินควร และ 3)การจัดสรรน้ำควรจ่ายให้แก่อุตสาหกรรมที่อยู่ในเขตการนิคมฯมากกว่าที่อยู่นอกเขตฯ

ดังนั้น การเปิดประมูลโครงการบริหารท่อส่งน้ำสายหลักภาคตะวันออก ซึ่งทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นของทางราชการหรือหน่วยงานของรัฐมาตั้งแต่ต้น โดยนำมาแสวงหากำไรและผลประโยชน์ให้เอกชนเข้าประมูล อาจขัดหรือแย้งต่อมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวได้ อีกทั้งอาจเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนนำทรัพย์สินของรัฐไปแสวงหากำไรและผลประโยชน์โดยมิชอบ อันอาจเข้าข่ายการทุจริตต่อหน้าที่ ตามพรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 อีกด้วย สมาคมฯจึงจะนำเอกสารข้อมูลหลักฐานดังกล่าวไปยื่นเพิ่มให้ ป.ป.ช.ในการสอบสวนอีกในวันพฤหัสที่ 3 มี.ค.65 เวลา 10.00 น. ณ สำนักงาน ป.ป.ช.นนทบุรี นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

จีน แก๊ง ‘โลมาหัวบาตรหลังเรียบแยงซี’ ว่ายน้ำเล่น
"สรรเพชญ" สวน "อุ๊งอิ๊ง" วิจารณ์แบงก์ชาติ ชี้ดื้อรั้นแจกเงินดิจิทัล กระทบการคลังปท.
กัมพูชาเตือนประชาชนเลี่ยง ‘แดด’ หลังอุณหภูมิพุ่ง 43°C
เกาหลีใต้ เตือนภัยสถานทูตใน 5 ประเทศ
หลายชาติส่ง 'ทุเรียน' ตีตลาดจีน ทุเรียนไทยเสี่ยงไม่ได้ 'ยืนหนึ่ง' ต่อ
"สุชาติ" ชม "นายกฯเศรษฐา" ทำงานไวเหมือน "ลุงตู่"
สสส. พอช. และไทยพีบีเอส เปิดบ้าน ชวนคนรุ่นใหม่เสนอโครงการ คนรุ่นใหม่คืนถิ่นเฟส 2 "Movement คนรุ่นใหม่"
"ปคบ." แจงผลคืบหน้าคดี "นอท" เร่งสอบเอาผิด "ลอตเตอรี่ พลัส"
"พิชิต" ลั่น 7 พ.ค. พร้อมแจงทุกสิ่งอย่าง ขัดคุณสมบัตินั่งรมต.?
เขมรหนีความจน! ลอบเข้าไทยหางานที่แปดริ้ว หวังค่าแรง 400 บาท

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น