No data was found

เปลือยใจ “จตุพร” “วันนี้ที่ไม่เหมือนเดิม”

กดติดตาม TOP NEWS

“ เรื่องของคุณทักษิณนานมาก จำครั้งสุดท้ายไม่ได้แล้ว  ผมถือว่าได้ปลดแอกจากทางการเมืองอย่างสิ้นเชิง”

“ ผมแนะนำทั้งองคาพยพ ถ้าไม่เปลี่ยนวิถีชีวิตจะตายกันหมด แต่ถ้าเราปรับ ไม่ติดยึดในวันที่เราอุดมสมบูรณ์และลดทุกอย่างเท่าที่ลดได้ เราก็ผ่านไปได้”

พื้นที่  3 ไร่  1 งาน  ภายในซอยรามอินทรา 40  ถูกเนรมิตรให้กลายเป็นสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม “Peace TV”   สถานีโทรทัศน์ที่รู้จักกันในนาม “ทีวีเสื้อแดง” ซึ่งเคยปักหลักอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าอิมพิเรียล  ลาดพร้าว มานับตั้งแต่ปี  2556  โดยมี จตุพร พรหมพันธ์ุ  ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ขับเคลื่อน

มาวันนี้ “พีซทีวี ”ได้ขนย้ายอุปกรณ์การทำงานจากที่ทำการเดิมมาประจำสถานที่ตั้งแห่งใหม่ได้นานกว่า 8  เดือนแล้ว

ปรับเวทีมวยเป็นเวทีความคิด เชิญทุกฝ่ายร่วมแสดงความคิดเห็นหาทางออกให้บ้านเมือง 

จตุพร พรหมพันธุ์  พาทีมงานท็อปนิวส์เข้ายลโฉมภายในและภายนอกสถานีโทรทัศน์พีชทีวี พร้อมกับเปิดเผยถึงที่มาที่ไป ในการย้ายมาปักหลักในที่ทำการแห่งใหม่

“เราหมดสัญญาเช่ากับที่เก่า อีกทั้งทางห้างจะปรับปรุงพื้นที่ด้วย ประจวบเหมาะพรรคพวกเห็นว่ามีพื้นที่กว้างขนาดใหญ่สุดซอยรามอินทรา 40 ให้เช่าในราคาพอสู้ได้ ตกเดือนละ 1 แสนบาท ทำสัญญา 10 ปี ประมาณ 1 ล้านบาท พวกเราจึงตัดสินใจมาที่นี่ “ จตุพร กล่าว

จากพื้นที่โล่งสุดซอยได้มีการดำเนินการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ภายใต้คำแนะนำของจตุพร  “ผมเรียนก่อสร้างมาก่อนที่จะเรียนรามคำแหงนะ ก็ช่วยแนะนำออกแบบพีซทีวี”

อาคารที่นี่เป็นสไตล์โมเดริ์น โครงสร้างใช้โครงเหล็กและอิฐมวลเบา เน้นสีดำเข้มดูน่าเกรงขาม มีการนำต้นไม้จากมวลมิตรที่มอบให้มาวางระหว่างทางเข้า  เมื่อเข้าสู่พื้นที่ภายในพบความโดดเด่นสะดุดตาจากผลงานศิลปะภาพวาดบนผืนผ้ากำมะหยี่ หลายภาพด้วยกัน  ตรงเข้าไปมีการอัญเชิญพระพุทธรูปโบราณปางต่างๆ จำนวนมาก ให้ผู้คนที่เดินทางเข้ามาได้กราบไหว้

“ภาพวาดเหล่านี้ เป็นฝีมือของมวลมิตรศิลปินทางภาคเหนือ ซึ่งแต่ละภาพมีความงดงามมาก เขาก็ส่งมอบมาให้ เราก็เลยนำมาตั้งโชว์ไว้ที่นี่ ใครที่ได้มาเยี่ยมเยือนเหมือนได้เข้าชมหอศิลป์ “  จตุพรกล่าวชื่นชมศิลปินภาคเหนือ

ห้องโถงมีการนำภาพวาดบนผืนผ้ากำมะหยี่ ผลงานของศิลปินภาคเหนือ

อาณาบริเวณพื้นที่ 3 ไร่  ได้กำหนดสัดส่วน มีทั้งห้องสตูดิโอออกอากาศ  ห้องประชุมขนาดใหญ่  และฮอลที่ใช้จัดการแข่งขันมวย ซึ่งในสถานการณ์โควิด-19  ทำให้การแข่งขันมวยต้องระงับ จตุพรจึงปรับปรุงฮอลดังกล่าว เป็นเวทีแสดงความคิดเห็นของกลุ่มไทยไม่ทนประชาชนสามัคคี  ซึ่งมีนักการเมือง นักวิชาการ รวมถึงเครือข่ายภาคประชาชนสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนขึ้นเวทีพร้อมกับยิงสัญญาณถ่ายทอดออกไป

ห้องประชุม “นวมทอง ไพรวัลย์”   โต๊ะประชุมทำด้วยไม้ไผ่ขนาดใหญ่ ซึ่งเจ้าตัวบอกว่า มีที่นี่แห่งแรก 

จตุพร ได้พาไปชมห้องต่างๆโดยมีการตั้งชื่อห้องเพื่อระลึกถึง บุคคลที่มีบทบาทเคลื่อนไหวทางการเมือง อย่างเช่นห้องประชุมใหญ่ จะใช้ชื่อว่า “ห้องนวมทอง  ไพรวัลย์”  คุณลุงขับแท็กซี่ที่ต่อต้านรัฐประหาร

ขณะที่ฮอลขนาดใหญ่ ใช้ชื่อ “Apiwan Wiriyachai เพื่อระลึกถึง ดร.อภิวันท์  วิริยะชัย  อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง   ติดกันเป็นห้องกาแฟพีซคอฟฟี่  เมื่อออกมาที่บริเวณพื้นที่ภายนอก กำลังมีการเคลียร์พื้นที่เตรียมอัญเชิญรูปหล่อหลวงพ่อทวดขนาดใหญ่รวมฐานสูงประมาณ  8 เมตร มาประดิษฐาน เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้สักการะเร็วๆนี้

จตุพร บอกกับ ท็อปนิวส์ว่า  พีซทีวีมีคณะผู้บริหารสถานีเหมือนสถานีทั่วไปมาจากกลุ่มคนที่ร่วมอุดมการณ์เดียวกัน ในส่วนตัวเขามาอยู่ที่นี่ในฐานะที่ปรึกษาของสถานีพีซทีวีเท่านั้น

“ผมทำหน้าที่คอยให้คำปรึกษาให้กับคนที่ทำงานอยู่ในพีซทีวี  ในสถานการณ์นี้ทุกอาชีพยากลำบากหมดเพราะเกิดวิกฤติทั้งระบบ ต้องช่วยกันคิดหาทางออกประคับประคองสถานการณ์”

ข้อเสนอของจตุพร คือการปรับทิศทางการทำงานของพีซทีวี จากที่เคยเป็นสื่อเลือกข้าง แต่ พีซทีวียุคปัจจุบัน คือ สื่อทางเลือก

“เราเคยเป็นสื่อเลือกข้างร้อยเปอร์เซ็นต์  วันนี้เรารักษาจุดยืนเรื่องประชาธิปไตย เรื่องการรับใช้ประชาชน เปิดประตูรับฟังความเห็นที่ต่างกันมากขึ้น เดิมคนทำทีวีเลือกข้างแต่ละฝ่ายจะพูดด้านเดียว นี่เป็นธรรมชาติ  แต่ ณ วันนี้  สังคมต้องฟังความทุกฝ่าย แม้ไม่เห็นด้วยต้องกล้าที่จะรับฟังกัน  เพราะว่าเหตุการณ์ของบ้านเมืองในช่วง 15 ปีจนถึงบัดนี้ ถ้าเราไม่แสวงจุดร่วมสงวนจุดต่างกันได้  เราไปข้างหน้ากันยาก “ จตุพร ให้เหตุผลที่พีซทีวีต้องปรับทิศทางใหม่

“ผมวางหลักการกว้างๆ หลักการ รับใช้ประชาชน แล้วก็ความเชื่อการเมืองอย่างไรเป็นเสรีภาพ แต่เราสามารถพูดคุยกันได้  ฟังกันได้ แม้เราต่างกัน ผมว่านี่คือความงดงามของประชาธิปไตย ระบอบประชาธิปไตยไม่ใช่ว่าต้องเหมือนกัน เห็นต่างต้องเป็นศัตรู แต่ประชาธิปไตยยิ่งเห็นต่างมากเท่าไหร่ยิ่งสวยงามมากเท่านั้น ผมพยายามพาให้เดินไปถึงจุดนี้“

 

 

เขา ยอมรับว่า  สถานการณ์สื่อประสบภาวะยากลำบาก  ทีวีช่องดิจิทัลกำลังแย่เหมือนกัน ยุคสมัยกำลังไล่ล่าเรา หมายความ โซเชียลมีเดียมากไป ทีวีดิจิทัลมีชะตากรรมกำลังตามหนังสือพิมพ์ไป  ทีวีผ่านดาวเทียมเหนื่อยตามลำดับ ช่องดิจิทัลเหนื่อย เพราะโซเชียลดูย้อนหลังได้ โลกเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ฉะนั้นการทำหน้าที่สื่อสารมวลชนต้องคิดอ่านให้สอดคล้อง  ยิ่งสถานการณ์เศรษฐกิจขณะนี้  เหมือนโฆษณาสื่อทีวีดาวเทียมกับดิจิทัลอย่างสมัยก่อนห่างคนละโยด  สมัยนี้ใกล้เคียงกันมาก พอใกล้เคียงกัน  โฆษณาก็เลือกไปลงทีวีดิจิทัล

“ต้องยอมรับว่าเหนื่อย ปกติถ้าคิดเรื่องเรทติ้งคนดู  เอาแบบสุดขั้วคนจะดูมาก แบบถล่มกันไปเลย ทุกฝ่ายต่างมียอดสูงกลับมา เพราฉะนั้นเราต้องกล้าอดทน ให้ประชาชนเปิดใจฟังความเห็นต่าง ผมเชื่อว่าสุดท้ายที่ไม่เห็นร่วมกันกว่า 15 ปี แต่ว่าสิ่งหนึ่งควรที่จะพูดกันใหม่ คือประชาชนต้องสามัคคีกัน มิฉะนั้นประเทศชาติจะเดินไปสุ่จุดสิ้นชาติ บ้านเมืองอยู่สภาพนี้ไม่ได้”

ด้วยเหตุนี้  ทำให้ เขาเปิดพื้นที่ให้ภาคการเมือง ภาคประชาชน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนเข้ามาร่วมแสดงความเห็นผ่านเวทีที่พีซทีวีจัดทำขึ้น

“เราเชิญหมู่มิตรมาร่วมรายการ เราเปิดประตูรับภาคประชาชนมาดำเนินรายการตามแนวถนัด แต่ละท่าน หมุนเวียนมาแสดงความเห็นเพื่อให้คนไทยฟังความจากทุกฝ่าย  สมัยก่อนทีวีฝ่ายใดฝ่ายนั้นดู ไม่มีฝ่ายอื่นเข้าดู  แต่เราต้องการเปิดให้ทุกฝ่าย เพราะเราต้องการให้เห็นว่า บ้านเมืองอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ไม่ได้ ฝ่ายหนึ่งชนะปกครองไม่ได้   ถ้าประชาชนรวมทุกฝ่าย ชาติบ้านเมืองต้องเดินไปข้างหน้า”  จตุพร กล่าว

พรรคการเมืองยังคงให้การสนับสนุนทุนหรือไม่

“ต้องพูดความจริง ผมเลิกยุ่งพรรคการเมืองนานมากแล้วนะ  ผมแสดงจุดยืนต่างกรรมต่างวาระหลายครั้ง กระทั่งเกิดความเห็นแย้งมากมาย ผมเดินมาถึงจุดนี้ ไม่ใช่เรื่องพรรคการเมือง คนในพรรคการเมืองอาจรู้จักกันบ้าง ก็รู้จักเพียงแค่รู้จัก แต่วันนี้ผมยืนในฐานะประชาชนร้อยเปอร์เซนต์ ไม่มีการอุดหนุนจากพรรคการเมืองแม้สตางค์แดงเดียวยาวนานมากแล้ว  ใครที่อยู่กับผมจะรู้ ไม่ง่ายเลยว่าแต่ละเดือนผ่านไปด้วยความยากลำบาก การเดินแบบนี้จะยากมากและจะยากขึ้นตามลำดับ และไม่รู้จะยืนได้นานขนาดไหน”

การสนับสนุนจากคุณทักษิณเป็นอย่างไร  

จตุพร กล่าวตรงไปตรงมาว่า “ เรื่องของคุณทักษิณนานมาก จำครั้งสุดท้ายไม่ได้แล้ว  ผมถือว่าได้ปลดแอกจากทางการเมืองอย่างสิ้นเชิง”

จตุพร  บอกว่า เขากำลังเดินมาถึงช่วงปลายชีวิต อีกสามปีเศษจะหกสิบปีถึงวัยเกษียณอายุ แต่การยืนอยู่ข้างประชาชนคงเดินไปได้มากกว่านั้น เพียงแต่ยืนอยู่บนสนามประชาชนยากลำบากที่สุดแต่เป็นความสุขในฐานะประชาชน ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมือง เป็นไม่ได้ตามกฎหมาย

เรื่องของรายได้  ได้รับบำนาญจากการเป็นนักการเมืองบ้าง และหมู่มิตรช่วยบ้าง ไม่ได้หรูหราอะไร ต้องลดชีวิตลงมา รถอายุจะสิบปีแล้วไม่ได้เปลี่ยน ใช้ชีวิตเรียบง่ายจึงไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรมาก

“ถ้าเราคิดว่าต้องเท่าเดิมในวันอุดมสมบูรณ์ นั่นเราคิดผิดแล้ว  เราคิดว่าต่ำสุดต้องอยู่ให้ได้อยู่ให้รอดและองคาพยพต้องคิดเหมือนกับเรา ทุกอย่างต้องลดลงมาให้หมด แล้วเราจะรอดไปด้วยกัน ผมแนะนำทั้งองคาพยพ  ถ้าไม่เปลี่ยน วิถีชีวิตจะตายกันหมด แต่ถ้าเราปรับไม่ติดยึดในวันที่เราอุดมสมบูรณ์และลดทุกอย่างเท่าที่เราลดได้ เราก็ผ่านไปได้”

“แต่ถ้าเราไปติดยึดในวันที่เราพร้อม ชีวิตปัจจุบันที่เราไม่พร้อมเราจะไปไม่ได้  ผมจึงบอกไม่มีอะไรติดยึด ไม่มีอะไรเป็นเรื่องตัวเองแล้ว จนกระทั่งตัวเองมีคดีเป็นหางว่าว เวลาพ้นโทษเขาก็บวกสิบปี คดียังรออยู่  ถ้านับแต่ละคดี อายุร้อยปีผมไม่รู้จะกลับมาลงผู้แทนได้หรือเปล่า ฉะนั้นผมเลิกคิดในความคิดอย่างนั้น เราต้องกลับมาที่ช่องทางเริ่มต้นในชีวิตคือ ทำหน้าที่ในภาคประชาชน”  จตุพร ทิ้งท้ายด้วยปรัชญาชีวิต 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ปาเลสไตน์ตั้งรัฐบาลใหม่
เกาหลีใต้เปิดฉากหาเสียงเลือกตั้ง
อิสราเอลยอมรับ ไม่สามารถโค่นฮามาสสิ้นซาก
กต.สั่งตรวจสอบภาพ "ทหารอิสราเอล" ชูธงชาติไทย หวั่นเกิดผลกระทบตามมา
"พิพัฒน์" kick off ตรวจสุขภาพเชิงรุกสถานประกอบการทั่วประเทศ ดีเดย์ปทุมธานีที่แรก คัดกรองโรคทันสมัย รู้ผลรวดเร็ว
"คุรุสภา" ไม่รอช้า สั่งพักใบอนุญาตวิชาชีพ "รองผอ.ร.ร.ดัง" ย่านนนทบุรี คดีค้ายาเสพติด
รู้จัก "เห็ดขี้ควาย" หนุ่มสถาปัตย์เพาะขาย 2 ปี โกยหลายแสนบาท
“รองแต้ม” ไม่ปลื้ม หลังถูกอ้างชื่อเอี่ยวคดี “ส่วยเว็บพนันฯ” ชี้ปม “ทนายตั้ม” แฉวงการสีกากี ต้องยึดตามพยานหลักฐาน
สหรัฐ เยเลนจะเตือนจีนเรื่องเงินหนุนอุตสาฯพลังงานสะอาด
จีนเตือนภัย ‘พายุทราย’ ระดับสีเหลือง

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น